วันนี้ (20 พฤษภาคม) จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาทว่า ต้องเป็นโครงการที่มีความพร้อม สามารถนำเม็ดเงินลงไปสู่ชุมชนได้ และเป็นโครงการที่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้างและหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ให้ช่วยประคับประคองให้ผ่านพ้นมรสุมช่วงนี้ไปได้ ซึ่งจะต้องใช้เวลาและมีกระบวนการในการพิจารณา
ส่วนจะทันในช่วงที่ GDP ต่ำหรือไม่นั้น จุลพันธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราทำเศรษฐกิจดีในช่วง 3 ไตรมาสหลัง จึงได้วางแผนไว้ว่า เงินจะต้องเข้ามาในระบบในช่วงไตรมาส 3 ให้ได้ และจะต้องเป็นงบผูกพันก่อนวันที่ 30 กันยายน 2568
จุลพันธ์กล่าวว่า เงิน 157,000 ล้านบาท จะใช้จ่ายครึ่งหนึ่งภายใน 4 เดือนหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ตอบยาก เพราะจะต้องรอไตรมาส 3 แต่เราจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อติดตามและเร่งรัด
ส่วนงบโครงการดิจิทัลวอลเล็ตปี 2568 ถูกโยกไปใช้แล้ว และในส่วนของงบปี 2569 ในโครงการยังไม่มีการตั้งงบจะสามารถพูดได้หรือไม่ว่า รัฐบาลนี้ไม่แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว จุลพันธ์กล่าวว่า ไม่ได้ อย่างที่นายกรัฐมนตรีบอกต้องดูสถานการณ์เป็นรายไตรมาสและดูความเปลี่ยนแปลงการเจรจาภาษีระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาจะเป็นอย่างไรและมีผลกระทบอย่างไร หากวันหนึ่งเมื่อเราพร้อมจะกลับมาพิจารณาใหม่
จุลพันธ์กล่าวอีกว่า เมื่อถึงวันนั้นก็จะต้องดูว่าจะนำงบส่วนไหนมาใช้ วันนี้เราดูความจำเป็นเร่งด่วน จึงดึงงบประมาณ 157,000 ล้านบาท ไปใช้ในบางภารกิจ วางรากฐานระยะยาว รวมถึงดูเรื่องผลกระทบการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯภายใต้กรอบกฎหมายที่มี เพราะหากเราไม่ทำอะไร บางส่วนอาจมีความเสี่ยงเรื่องการจ้างงานได้ ทำให้วันนี้ต้องมาจัดลำดับความสำคัญใหม่
จุลพันธ์ยืนยันว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังคงชะลออยู่ และเม็ดเงินที่จะลงในระบบมีหลายรูปแบบ ขอให้รอดู เรามีเม็ดเงินเพียงพอกับการป้อนเงินเข้าไปในระบบในระยะสั้น ซึ่งจะมีระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ ในการพิจารณาโครงการ ก่อนจะออกมาเป็นรายชื่อในกลุ่มต่างๆ ตอนนั้นจะเห็นชัดว่าเม็ดเงิน 157,000 ล้านบาท ในระยะต้นจะใช้อย่างไร และจะเห็นว่าระยะกลางในส่วนของงบปี 2569 และปี 2570 จะวางแผนอย่างไรเพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจริงๆ
เมื่อถามว่า ในการกู้เงิน 5 แสนล้านบาท มีความคืบหน้าอย่างไร จุลพันธ์กล่าวว่า ยังไม่มีการคุย ตอนนี้ใช้เพียง 157,000 ล้านบาท แต่หากเงินก้อนนั้นลงมาจะแบ่งเป็นงวดๆ ในส่วนของงบปี 2569 หากมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเติมก็จะมีการพิจารณาต่อไป
เมื่อถามว่าประชาชนบางคนรู้สึกโกรธและลบแอปพลิเคชันทางรัฐนั้น จุลพันธ์กล่าวว่า บังคับใครไม่ได้ แต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยังคงเดินหน้า และแอปพลิเคชันทางรัฐยังมีบริการที่ภาครัฐให้กับประชาชนอีกมากมาย การที่รัฐบาลจะเติมเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจผ่านช่องทางต่างๆ แอปทางรัฐก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่เราพิจารณาอยู่ตลอด ดังนั้นจึงเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ และเราจะดำเนินการต่อเนื่องต่อไป
จุลพันธ์กล่าวอีกว่า งบประมาณที่ใส่ไปในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่เคยสูญเปล่า ที่เราทำมาในกลุ่มเปราะบางและกลุ่มผู้สูงอายุ เห็นการเติบโตของ GDP 3 กว่าๆ 3 ไตรมาสติด ซึ่งเราไม่เคยเห็นอย่างนี้มาหลายปี เงินที่เราเติมลงไปเกิดผลบวก จับต้องได้ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนก็ต้องยอมรับ เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดภาษีสหรัฐฯ เมื่อเกิดมาแล้วจะต้องรับสภาพและปรับเปลี่ยนกลไก วิธีการคิดเพื่อให้ตอบโจทย์กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
“ใช้ประโยชน์มาแล้วและจะใช้ประโยชน์ต่อไป โครงการนี้การพัฒนาระบบไม่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลวอลเล็ตตั้งแต่ต้น เป็นการพัฒนาของ DGA ของกระทรวงดีอี ซึ่งพัฒนาระบบเพย์เมนต์กลาง และเราก็เกี่ยวมาใช้ในเรื่องของวอลเล็ต แต่ตอนนี้เมื่อ วอลเล็ตชะลอ เขาก็ยังเดินหน้าไม่ได้หยุดทำ สุดท้ายยังเป็นแพลตฟอร์มกลางที่รัฐบาลและประชาชนใช้ประโยชน์ ได้กับทุกโครงการ เป็นเครื่องมือในการ รับ แลก จ่าย ของประชาชน ไม่ได้สูญเสียอะไร” จุลพันธ์กล่าว