การมาถึงของ Nitori สาขาแรกของเชนร้านเฟอร์นิเจอร์สัญชาติญี่ปุ่นที่เซ็นทรัลเวิลด์ ได้รับการตอบรับที่ดี ในช่วงสุดสัปดาห์หนึ่งของเดือนกันยายนมีผู้คนกว่า 70 คนต่อคิวเข้าร้าน ซึ่งบางช่วงใช้เวลานานกว่า 40 นาทีเลยทีเดียว
การเปิดตัวของ Nitori เป็นหนึ่งในแผนของ อากิโอะ นิโทริ แม่ทัพของแบรนด์จากแดนอาทิตย์อุทัย ที่มองการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศโดยเน้นไปที่เอเชีย จะเป็นโอกาสที่จะรักษาการเติบโตของยอดขายที่ดำเนินมายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ เพราะ “ใครก็ตามที่ควบคุมเอเชียได้ ก็จะควบคุมโลกด้วย”
Nitori วางแผนที่จะเปิดสาขา 77 แห่งในปีงบประมาณนี้ ซึ่งมากกว่า 2 เท่าจากปีก่อนหน้า โดยนอกจากจะบุกจีนและไต้หวันไปแล้ว ยังได้วางแผนที่จะเข้าสู่ตลาดอื่นๆ อีก 6 แห่งเป็นครั้งแรก รวมถึงเวียดนามและอินโดนีเซียด้วย ซึ่งปีงบประมาณหน้าตั้งเป้าที่จะเปิดร้านในต่างประเทศมากกว่าในบ้านเกิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘Nitori’ เฟอร์นิเจอร์ เฟอร์นิใจ (ที่กำลังจะเข้าไทย) และเคล็ดเพลงดาบซามูไรที่สู้ได้แม้กระทั่งยักษ์ใหญ่อย่าง IKEA
- จากที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นสินค้าราคาประหยัด แต่การขึ้นราคาทำให้ลูกค้าเดินเข้าร้าน Nitori น้อยลง
- พาส่อง Nitori แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ดังจากญี่ปุ่น ก่อนเปิดจริง 31 ส.ค. ที่ CTW
หากถามว่า ใครที่เป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุด Nitori ตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า IKEA ซึ่งได้ชี้ชัดด้วยว่า อีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นช่วงชี้ขาด ซึ่งเป็นคู่ปรับที่น่ากลัวไม่น้อย เพราะ IKEA เป็นผู้จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก และรายงานของ Nikkei Asia ระบุด้วยว่า อาจดูเหมือนใหญ่เกินกว่าที่ผู้ค้าปลีกชาวญี่ปุ่นจะเทียบเคียงได้
เมื่อเทียบกับร้านของ IKEA ในแดนซามูไร มีพื้นที่ค้าปลีกโดยเฉลี่ย 23,000 ตารางเมตร เทียบกับ 3,000 ตารางเมตรสำหรับร้าน Nitori มาตรฐาน ซึ่งพื้นที่ขนาดใหญ่ของ IKEA สามารถรองรับลูกค้าได้ถึง 1-1.5 ล้านคนต่อปี ซึ่งมากกว่า Nitori เป็น 10 เท่าด้วยกัน
Nitori รู้ว่า หากเทียบกันด้วยพื้นที่ ตัวเองจะเสียเปรียบ IKEA จึงเบนเข็มไปยังคำพูดที่ว่า “เรากำลังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ด้วยการเติมเต็มช่องว่างของ IKEA” มาซาโนริ ทาเคดะ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายสินค้าระดับโลกของ Nitori กล่าว
แม้จะมีขนาดที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองที่ก็เข้าห้ำหั่นกันในทางตรงมากขึ้น สะท้อนจากการมีร้านค้าในศูนย์การค้าเดียวกันในตลาดต่างๆ เช่น ฮ่องกงและมาเลเซีย และ IKEA กำลังเปิดสาขาเล็กๆ ในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก เช่น โตเกียว
รายงานระบุว่า Nitori มียอดขาย 1.05 พันล้านเยนต่อร้านค้า ซึ่งสูงกว่า 2 เท่าของ MUJI และมีอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าประมาณ 70% แต่ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิของ Nitori อยู่ที่ประมาณ 3.5 เท่าของ Ingka Holding บริษัทแม่ของ IKEA แต่ยอดขายต่อสาขาของ Ingka นั้นสูงกว่ามากที่ประมาณ 80 ล้านยูโร
หัวใจสำคัญในการผลักดันการขยายธุรกิจของ Nitori คือประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันมีสาขาประมาณ 80 แห่ง บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มเครือข่ายในต่างประเทศมากกว่า 2 เท่า เป็น 300 สาขา ภายในปี 2025 และเพิ่มยอดขายนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 30,000 ล้านเยนในปีงบประมาณที่แล้ว จากสัดส่วน 3.8% ของทั้งหมดในปัจจุบัน เป็น 10% เร็วๆ นี้
“Nitori แทบจะไม่เจอการแข่งขันระหว่างบริษัทในท้องถิ่น” โช คาวาโนะ จาก Goldman Sachs ในญี่ปุ่น กล่าว “สินค้ามีราคาไม่แพงและผลิตภัณฑ์ได้รับการออกแบบให้ประกอบได้ง่ายกว่าของ Nitori ซึ่งเหมาะกับผู้บริโภคชาวเอเชียได้ง่ายกว่า”
อ้างอิง: