วันนี้ (5 เมษายน) นิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 ก. ของ สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และบุตรอีก 2 คนคือ ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เนื่องจากพบว่าเป็นที่ป่าไม้ถาวร ว่าทั้ง 3 คนก็มีสิทธิ์ที่จะยื่นอุทธรณ์ทางกรมที่ดินได้ และภายใน15 วัน หากว่าผลอุทธรณ์เป็นอย่างไรก็สามารถเอาคดีไปฟ้องศาลปกครองได้ ก็ถือว่าการเพิกถอนเป็นคำสั่งทางปกครอง เพราะฉะนั้นก็ไปดูว่าศาลปกครองมีคำสั่งเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าตอนนี้สมพรได้ยื่นอุทธรณ์มาแล้วหรือไม่ นิพนธ์ตอบว่ายังไม่ทราบ แต่เขาต้องยื่นเรื่องไปที่กรมที่ดิน ซึ่งหากว่าเขาไม่ดำเนินการอะไรเลย ก็ถือว่าทุกอย่างจบ เพราะการเพิกถอนมันมีผลอยู่แล้ว ถือว่าเอกสารสิทธิ์นั้นไม่มี พอไม่มีที่ดินก็คืนสภาพเป็นที่ป่าอยู่แล้ว ก็เป็นที่ป่าต่อไป
“การให้ศาลได้ตรวจสอบก็ดี จะได้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะต้องดูพยานหลักฐานทุกอย่างว่าเป็นไปโดยชอบหรือไม่” นิพนธ์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สมพรออกมาระบุว่า ที่ดินนี้ถือครองมา 30 ปี ไม่เคยมีปัญหา และพอลูกชายมาเล่นการเมืองจึงถูกเช็กบิล นิพนธ์ตอบว่า กรณีนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับสมพร เพราะไปซื้อต่อมาจริง แต่กรณีนี้เมื่อมีใครร้องเรียนขึ้นมาก็ต้องเข้าไปตรวจสอบ และก็มีหนังสือจากกรมพัฒนาที่ดินและกรมป่าไม้ ว่าที่ดินดังกล่าวยืนยันว่าเป็นที่ป่าถาวร ซึ่งคณะรัฐมนตรีประกาศมาตั้งแต่ พ.ศ. 2512 กรมที่ดินก็ไม่มีทางอย่างอื่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ส่วนที่สมพรมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง นิพนธ์ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน ตนก็กำชับแล้วว่าเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรม แต่พอไปดูสารบบ เวลาจัดซื้อที่ดินในจำนวน 60 แปลง มีหลายแปลงที่แจ้งแล้วว่าอาจจะอยู่ในเขตป่า ทางนั้นก็รับทราบและยินดีรับโอน ก็ถือว่าสมพรอาจจะรู้อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนรับโอนแล้ว ตนก็พยายามมดูเรื่องนี้ เพราะเกรงจะว่าใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ตนถือว่าได้กำชับให้ทุกฝ่ายให้ความเป็นธรรมที่สุด แต่เมื่อตนได้ดูแผนละวาง ไปดูที่เจ้าหน้าที่เดินสำรวจ ก็ไม่มีทางอื่น RTK (ระบบโครงข่ายการรังวัดด้วยดาวเทียมแบบจลน์) ที่ลงไปตรวจมีความคลาดเคลื่อนน้อยมาก เพราะใช้ระบบดาวเทียม ซึ่งก็มีอยู่ 1 แปลงที่คาบเกี่ยว ก็ต้องให้เขา