สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า Nike Inc. ให้ข้อมูลว่า รายได้รวมทั้งปีนี้มีแนวโน้มดีกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายออนไลน์ขยายตัวอย่างมาก หลังจากผู้บริโภคต้องการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงหลีกเลี่ยงกิจกรรมในที่สาธารณะ และเลือกสั่งซื้อสินค้าออนไลน์แทน
ทั้งนี้ ราคาหุ้น Nike ปรับเพิ่มขึ้นทันที 5% หล้งเปิดการซื้อขาย และเมื่อย้อนดูราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี (YTD) พบว่าราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นมาแล้ว 37%
วิกฤตสุขภาพที่เกิดขึ้นทั่วโลก ผลักดันให้ผู้คนหันมาทำกิจกรรมต่างๆ เช่น วิ่ง หรือขี่จักรยาน ทำให้ Nike และผู้ผลิตชุดกีฬารายอื่นๆ ได้รับความนิยมอย่างมาก และภายใต้การล็อกดาวน์ ผู้คนเข้าใ้ช้งานแอปพลิเคชันของ Nike และเกิดธุรกรรมซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายออนไลน์สูงขึ้นอย่างมากตลอดทั้งปี
เจสสิกา รามิเรซ นักวิเคราะห์กลุ่มค้าปลีกของ Jane Hali & Associates กล่าวว่า นี่เป็นเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนในอีคอมเมิร์ซของ Nike ซึ่งสร้างความได้เปรียบครั้งใหญ่ ทำให้เหนือคู่แข่งสำคัญอย่าง Adidas
“เว็บไซต์ของ Nike มีความพร้อมใช้งาน ใช้งานง่าย มีการรวบรวมข้อมูลสินค้าและบริการที่สอดรับความต้องการของลูกค้า ทำให้กำหนดเป้าหมายไปยังผู้บริโภคที่เหมาะสม และสามารถเรียกยอดใช้จ่ายท่ามกลางภาวะที่ผู้คนประหยัด และใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง”
ทั้งนี้ ยอดขายดิจิทัลของ Nike เพิ่มขึ้น 84% โดยมีการเติบโตสูงถึง 3 Digit ในอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ส่วนตลาดอื่นๆ ทั่วโลก มีการเติบโตระดับ 2 Digit
Nike รายงานผลประะกอบการงวดไตรมาส 2/63 (สิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563) มีรายได้เพิ่มขึ้น 9% มาอยู่ที่ 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ที่ทำประมาณการรายได้ของ Nike ไว้ที่ 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2 ที่ 1.25 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% และคิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 78 เซ็นต์ สูงกว่าคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ที่ประเมินกำไรต่อหุ้นไว้ที่ 62 เซ็นต์
ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 2% สู่ระดับ 3.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งช่วยเพิ่มผลกำไรได้มากขึ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ Nike ไม่ต้องใช้งบสำหรับการประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: