เมื่อ 10 กว่าปีก่อนมีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น ประสบปัญหาภาวะเมืองกำลังตาย เนื่องจากคนหนุ่มสาวซึ่งเป็นกำลังหลักของเมืองอพยพไปหางานตามเมืองใหญ่ เหลือไว้แต่เพียงผู้เฒ่าสูงวัยกับบ้านอันรกร้าง ก่อนที่อะไรจะสายเกินไป ชาวเมืองจึงรวมตัวแก้ปัญหาด้วยการจัดเทศกาลงานศิลปะขนาดใหญ่ ‘Echigo-Tsumari Art Field’ โดยเชิญเหล่าศิลปินทั่วประเทศมาเนรมิตเมืองร้างให้กลายเป็นหอศิลป์กลางแจ้ง ชักชวนนักท่องเที่ยวผู้มีใจรักงานศิลปะมาเยี่ยมเยือน จากความสำเร็จในครั้งนั้น เมืองเล็กที่ไร้ผู้คนกลับมีชีวิตชีวาอีกหนหนึ่ง Echigo-Tsumari Art Field จึงกลายมาเป็นหนึ่งในเทศกาลศิลปะที่ผู้คนตั้งตาคอย และสร้างชื่อให้จังหวัดนีงาตะ (Niigata) กลายเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวตั้งแต่นั้นมา
แม้เทศกาลศิลปะดังกล่าวจะสร้างภาพจำว่านีงาตะนั้นรกร้างเต็มไปด้วยทุ่งนาเวิ้งว้าง และบ้านเรือนขนาดกะทัดรัด ทว่าจังหวัดนีงาตะที่เราสัมผัสกลับผิดแปลกจากภาพจำเดิม และมีอะไรน่าสนใจกว่า
ศาลเจ้ายาฮิโกะ
ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์
ศาลเจ้ายาฮิโกะ (Yahiko Shrine) ศาลเจ้าสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองยาฮิโกะ จังหวัดนีงาตะ ที่มีอายุกว่า 1,300 ปี ว่ากันว่าถูกสร้างตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ทว่าปรากฏหลักฐานครั้งแรกในกวีนิพนธ์ Man’yōshū ยุคนารา แต่ถึงกระนั้นประวัติความเป็นมาของศาลเจ้ายังคงไม่แน่ชัด คนในพื้นที่เชื่อว่าศาลเจ้านี้ถูกสร้างเพื่อเป็นที่ประทับของเทพเจ้า หรือองค์คามิ Ame-no-Kaguyama-no-Mikoto ซึ่งถูกส่งตัวลงมาช่วยสั่งสอนชาวบ้านให้ทำกสิกรรมเป็น สอนวิธีปลูกข้าว หาปลา ทำประมง และผลิตเกลือไว้ใช้ประกอบอาหาร
ศาลเจ้ายาฮิโกะ
ตัวอาคารหลังหลักที่เราเห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นในปี 1916 ทดแทนหลังเดิมซึ่งถูกเพลิงไหม้ในปี 1912 ที่นี่ได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติของชาติในปี 1988 ชาวนีงาตะและชาวเมืองใกล้เคียงนิยมมากราบไหว้สักการะขอพรตั้งแต่เรื่องการเรียน การงาน สุขภาพ การพนัน ไปจนถึงเรื่องความรัก นอกจากทำหน้าที่เป็นเสาหลักทางจิต ทางศาลเจ้ายังแบ่งบางส่วนเป็นสวนสวยไว้ให้ชาวเมืองใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ มีสัตว์ป่า และต้นไม้ใหญ่ตั้งสูงเด่น มีหอจัดแสดงสมบัติ เช่น ข้าวของเครื่องใช้ ดาบ และหลักฐานการประดิษฐ์ตัวอักษรไว้ให้ชมด้วย
คนนีงาตะเป็นช่างฝีมือ
แม้จังหวัดนีงาตะจะโด่งดังเรื่องข้าวอร่อยและสาเกรสเลิศ แต่หากเราเจาะลึกไปยังเมืองต่างๆ จะเห็นว่า ชาวนีงาตะแท้จริงแล้วเป็นนักประดิษฐ์ตัวยง Tsubame Sanjo Regional Industries Promotion Center เป็นสถานที่จัดแสดงสินค้างานฝีมือในจังหวัดนีงาตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานจากเมืองสึบาเมะ (Tsubame) และ ซันโจ (Sanjo) สองเมืองเล็กในจังหวัดนีงาตะ ที่โด่งดังมากเรื่องงานมีดและงานโลหะตามลำดับ ที่นี่รวมงานฝีมือจากแบรนด์ท้องถิ่นกว่า 1,000 แบรนด์ มีให้เลือกซื้อหาตั้งแต่ราคาสบายกระเป๋าไปจนยากจะเอื้อมถึง (เพราะราคาสูงมาก) คุณไกด์เล่าว่า มีดของเมืองซันโจคุณภาพดีมาก ติดท็อประดับประเทศไม่ต่างจากมีดเมืองซาไก จังหวัดโอซาก้า ที่เรารู้จัก
Tsubame Sanjo Regional Industries Promotion Center
ถ้าคุณรู้สึกว่าแค่ซื้อมันธรรมดาไป และอยากลองทำใช้เองสักเล่ม แนะนำให้แวะไปยัง Sanjo Kajidoujo โรงทำมีดเก่าแก่ในเมืองซันโจ ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ที่นี่ไม่มีมีดนานาประเภทจัดจำหน่าย หากแต่แปรเปลี่ยนบางส่วนของโรงงานเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวมีดของเมืองซันโจ ทั้งยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปเล็กๆ ให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจลองตีมีดใช้เอง เช่น มีดตัดกระดาษ หรือมีดตัดเล็บโบราณ เป็นต้น แน่นอนว่าใช้เวลาไม่นานเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น อยู่ภายใต้การดูแลจากช่างผู้ชำนาญ และสนนราคาไม่เกิน 1,500 เยนโดยประมาณ
Sanjo Kajidoujo
Suwada Blacksmith Work Inc.
นอกจากงานมีดและงานเครื่องเงิน สินค้าอีกอย่างที่ดังมากคือ กรรไกรตัดเล็บของแบรนด์สุวาดะ (Suwada) ซึ่งตั้งฐานผลิตที่เมืองซันโจเช่นเดียวกัน จุดเด่นของกรรไกรตัดเล็บที่นี่คือ รูปทรงโค้งซึ่งรับกับทรงเล็บพอดิบพอดี ตัดง่าย แบรนด์สุวาดะ เปิดโรงงาน Suwada Blacksmith Work Inc. ให้ผู้สนใจสามารถเข้าไปชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยคุณสามารถชมได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การขึ้นรูป ไปจนถึงการประกอบ แถมตอนจบยังสามารถเลือกซื้อสินค้าติดไม้ติดมือกลับบ้านได้ในราคาย่อมเยา
Joetsu Municipal Aquarium
โลมาน่ารักและเพนกวินที่พร้อมจะตดใส่ทุกคนตลอดเวลา
ใครที่ไปเที่ยวแดนปลาดิบเป็นประจำ จะรู้เลยว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีอควาเรียมเยอะมาก และมีแทบทุกจังหวัดที่มีอาณาเขตติดทะเล แน่นอนว่าจังหวัดนีงาตะเป็นหนึ่งในนั้น Joetsu Municipal Aquarium เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในเขตโจเอ็ตซึ (Joetsu) ที่เพิ่งเปิดบ้านไปเมื่อกลางปี 2018 ด้วยโครงสร้างที่ดูทันสมัย เหมาะแก่การถ่ายภาพ โชว์ปลาโลมาที่มีฉากหลังเป็นทะเล และการสร้างสิ่งแวดล้อมให้สัตว์นานาชนิดให้คล้ายคลึงกับธรรมชาติ เรากล้าพูดเลยว่า Joetsu Municipal Aquarium เป็นอควาเรียมที่สนุกและสมควรไป
Joetsu Municipal Aquarium
นอกจากโชว์ปลาโลมาท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดงที่ทางพิพิธภัณฑ์คะยั้นคะยอให้เราไปมา แต่ปรากฏว่าไปแล้วเมฆหมอกบังไม่เห็นแสงอาทิตย์สักนิด โซนที่เราชอบมากที่สุดคือโซนเพนกวินสายพันธ์ุประจำถิ่น ที่สามารถพบได้ตามหาดนาโอะเอ็ตซึ (Naoetsu Beach) ในช่วงฤดูหนาว หาดนี้อยู่ห่างจากตัวพิพิธภัณฑ์เพียง 10 นาทีเท่านั้น เพนกวินที่นี่มีบ้านของตัวเองเป็นหลังๆ โดยทางศูนย์จัดทำเป็นโพรงหินขนาดย่อมไว้ให้เจ้าเพนกวินเลือกใช้สอยได้ตามใจ ใครจะอยู่หลังไหน ลงหลักปักฐานตำแหน่งใด ก็หอบหิ้วฟางไปประดับบ้านกันให้วุ่น บางตัวอยู่แล้วไม่พอใจ แอบมาแย่งตัวอื่นก็มี
เวลาชมเพนกวิน ทางอควาเรียมจัดสรรที่ทางไว้หลายส่วน มีตั้งแต่ห้องกระจกใต้น้ำที่ดูเหล่าเพนกวินแข่งว่ายน้ำกันสนุกสนาน หรือแบบกลางแจ้ง เดินฝ่าลานฝูงเพนกวินกันทีเดียว โดยมีข้อแม้ว่าห้ามเราเดินออกนอกเส้นทาง และห้ามแตะต้องหรือสัมผัสเพนกวินเด็ดขาด (แม้จะเจอเพนกวินเดินมาหาเอง) ข้อควรระวังอีกอย่างคือ ระวังอึไว้ให้ดี เพราะเมื่อไรที่คุณเริ่มทำให้เหล่าเพนกวินไม่พอใจ พี่เพนกวินทั้งหลายจะเริ่มหันก้นและเบ่งอึใส่ โดยมีระยะทำลายล้างเป็นเมตร ผู้เขียนโดนมาแล้ว เกือบกระโดดหลบหนีแทบไม่ทัน
ต้นไม้สีเขียว บึงสีคราม และผาหยก เจ้าของตำแหน่งอุทยานธรณีโลก
เช้าวันสุดท้ายในนีงาตะ เราออกจากโรงแรมแต่เช้าตรู่เพื่อหมายมายัง Kotakigawa Jade Gorge Geosite หุบเขาหินหยก อุทยานแห่งชาติ ส่วนหนึ่งของ Itoigawa UNESCO Global Geopark อุทยานธรณีโลกแห่งแรกของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเขตเมืองอิโตอิกาวะ (Itoigawa) จังหวัดนีงาตะ รถบัสลัดเลาะไปตามแนวเขา อากาศภายนอกเย็นๆ กำลังดี อุณหภูมิยามเช้าเฉลี่ยอยู่ที่ 15 องศานิดๆ น้ำค้างยอดหญ้าคงค้างตามใบไม้ชุ่มฉ่ำ ส่งอากาศบริสุทธิ์ให้สูดเต็มปอด
Takanami-no-ike เป็นบึงน้ำสีเทอร์ควอยส์บนความสูง 540 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาเมียวโจ (Mt. Myojo) ผาสูงแหล่งหินหยกแท้ตามธรรมชาติที่มีมูลค่ามหาศาล นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมแวะมานั่งเอื้อยบริเวณนี้เป็นแห่งแรก ที่นี่มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมายไม่ว่าจะเป็น เดินเทรล พายเรือ ปิกนิกริมน้ำ ปิ้งบาร์บีคิว ฯลฯ
Kotakigawa Jade Gorge Geosite
ห่างจากบึงน้ำสีเทอร์ควอยส์ราว 10 นาที ขับเลียบไปตามแม่น้ำ Kotakigawa จะพบกับหุบเขาหินหยก Kotakigawa Jade Gorge Geosite ตั้งตระหง่านหันชนกับลำน้ำ เขตอุทยานแห่งชาติที่อัดแน่นไปด้วยหินหยกตามธรรมชาติ ซึ่งยังไม่ผ่านการเจียระไน นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปส่วนไหนก็ได้ของแม่น้ำ ทว่าห้ามหยิบเศษหิน เศษดิน หรือพืชพันธุ์ทุกชนิดออกจากหุบเขานี้เป็นอันขาด ทางการถือว่าสสารทางธรรมชาติเหล่านี้เป็นสมบัติของชาติทุกกระเบียดนิ้ว และมีมูลค่ามหาศาล
Kotakigawa Jade Gorge Geosite
Nou Fishing Port
ดูประมูลปลา กินขาปูยักษ์
ชมธรรมชาติกันพอหอมปากหอมคอ มุ่งหน้าสู่พอร์ตการประมง Nou Fishing Port ณ บริเวณชายฝั่งโน (Nou Coast) เมืองอิโตอิกาวะ ปลายสุดฝั่งตะวันตกของจังหวัดนีงาตะ ตลาดปลาขนาดกลางซึ่งเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมการประมูลปลาได้ฟรีแบบใกล้ชิด โดยจะเริ่มประมูลในช่วงบ่าย 3 ของทุกวัน ผู้ที่เข้าร่วมการประมูลจะเป็นตัวแทนชาวประมงกว่า 60 คน ส่วนสัตว์ทะเลที่ประมูลก็มีทั้งปลาท้องถิ่น กุ้ง หอย และปูหลากชนิด คัดแยกจากเรือประมงลงกล่องโฟมเรียบร้อย พร้อมจัดส่ง
บรรยากาศการประมูลจะแตกต่างจากตลาดปลาสึกิจิที่เราคุ้นเคย มีความยุ่งเหยิงและรวดเร็วกว่า ประมูล 1 รอบจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงไม่เกินไปกว่านั้น โดยปลาที่ผ่านประมูลแล้วจะถูกส่งไปยังตลาดท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ ทันที
บรรยากาศการประมูล
ห่างจากท่าเรือไปประมาณ 5 นาที เราแนะนำให้คุณจอดยัง Michinoeki Marine Dream Nou จุดพักรถ รวมร้านของฝาก และร้านขายปูเบ็นนิสุ สด อร่อย และราคาถูกมาก สนนราคาต่อตัวเพียง 800 เยนเท่านั้น สามารถซื้อที่ร้านและนั่งกินสดๆ บริเวณหน้าร้านได้ทันที จะแกล้มเบียร์ สาเก หรือซอฟต์ดริงก์ที่ชื่นชอบก็ได้ คนรักปูห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ถูกกว่าทุกตลาดที่ผู้เขียนเคยกินมา
อันที่จริงมีอีกหลายสถานที่มากที่เราอยากสาธยายให้คุณไปปักหมุดในจังหวัดนีงาตะ ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวเกาะซาโดะ (Sado Island), พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยคินาเระ (Museum of Contemporary Art, Kinare) หรือแม้แต่เทศกาล Echigo-Tsumari Art Field ยอดฮิตที่จัดขึ้นประจำทุก 3 ปี นีงาตะเป็นเมืองนอกกระแสในภูมิภาคจูบุ ซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 2 ชั่วโมงโดยชินคันเซน หากคุณเที่ยวโตเกียวเบื่อแล้ว และอยากหาเมืองใหม่ๆ ไว้รับประสบการณ์ชีวิต และขอแนะนำให้คุณลองปักหมุดยังนีงาตะ แล้วจะรู้ว่าเมืองนอกกระแสทางตะวันตกของเกาะฮอนชู มีอะไรให้คุณตกใจและประทับใจอีกเยอะ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
Getting There
- มีหลายสายการบินบริการเที่ยวบินตรง กรุงเทพฯ-นาริตะ ได้แก่ Thai Airways, Thai Airasia X, Japan Airlines ฯลฯ
- การเดินทางมายังจังหวัดนีงาตะจากกรุงโตเกียว นั่ง Joetsu Shinkansen ใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง แนะนำให้ซื้อ JR East Pass