วันนี้ (27 กันยายน) ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า สพฉ. ได้จัดทีมเฝ้าระวังสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยเตรียมพร้อมที่จะสนับสนุนทรัพยากรด้านการแพทย์ฉุกเฉินแก่หน่วยงานต่างๆ ที่กำลังเร่งช่วยเหลือประชาชนอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข หรืออาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัยต่างๆ เป็นต้น
ร.อ.นพ.อัจฉริยะ กล่าวว่า ในแง่ของการเตรียมการ หากมีผู้ป่วยฉุกเฉินในพื้นที่อุทกภัย ขณะนี้ได้ตรวจสอบไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดต่างๆ พบว่า ทุกพื้นที่ยังสามารถให้บริการได้ โดยประชาชนที่เจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ที่หมายเลข 1669 หากพื้นที่ใดที่รถพยาบาลปกติ ไม่สามารถเข้าไปได้ ก็จะมีการประสานใช้ยานพาหนะอื่น เช่น เรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ รถยกสูง รถหกล้อใหญ่ หรือแม้แต่เฮลิคอปเตอร์หากมีความจำเป็น ซึ่งในปัจจุบันได้มีการออกประกาศให้สามารถใช้เงินกองทุนการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อจ่ายชดเชยให้กับหน่วยปฏิบัติการที่ใช้ยานพาหนะพิเศษเหล่านี้ได้
“ในส่วนของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัย ควรมีการติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแนะนำให้ประชาชนจัดเตรียมกระเป๋ายังชีพฉุกเฉินให้เพียงพอต่อจำนวนคนในบ้านอย่างน้อย 3 วัน โดยสิ่งของที่ควรมี เช่น อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน น้ำดื่ม น้ำสะอาด ยารักษาโรคประจำตัว ชุดปฐมพยาบาล กระดาษชำระ ถุงขยะ ไฟฉาย แบตเตอรี่สำรอง เสื้อผ้าสำรอง เสื้อกันฝน รวมถึงเอกสารสำคัญต่างๆ” ร.อ.นพ.อัจฉริยะ กล่าว
ร.อ.นพ.อัจฉริยะ ยังได้เตือนให้ระวังถึงอันตรายต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้เมื่อเกิดน้ำท่วม เช่น เมื่อน้ำเริ่มเข้าบ้านชั้นล่างควรตัดสวิตช์เบรกเกอร์ไฟฟ้าของชั้นนั้นๆ ไม่ควรเดินลุยน้ำใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือจับวัตถุโลหะที่แช่น้ำ เพื่อป้องกันการถูกไฟดูด นอกจากนี้อุบัติเหตุที่มักเกิดได้จากเหตุน้ำท่วมในครั้งก่อนคือ การที่รถตกลงไปในน้ำ ผู้ขับขี่ไม่ควรขับรถบนถนนที่มีน้ำไหลเชี่ยว เพราะแม้แต่รถบรรทุกขนาดใหญ่ก็ยังสามารถที่จะถูกน้ำพัดไปได้ รวมถึงการขับรถไปบนถนนที่มีน้ำท่วมขัง หากไม่คุ้นเคยอาจมองไม่เห็นขอบทางและพลัดตกลงไปในแหล่งน้ำข้างทางได้