นีลเส็น (Nielsen) เปิดตัวบริการซูเปอร์มาร์เก็ตเสมือนผ่านระบบ VR เจาะกลุ่มร้านค้าศักยภาพสูง เผยสินค้าอุปโภคบริโภคโตติดลบ แนะร้านค้าบริหารให้มีประสิทธิภาพ ไม่เน้นขยายสาขา
The Nielsen Company (Thailand) ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันนี้ภาคธุรกิจพบกับความเปลี่ยนแปลงรอบตัว ผู้บริโภคมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น โจทย์ที่สำคัญคือการดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วย ซึ่ง สมวลี ลิมป์รัชตามร กรรมการผู้จัดการของ Nielsen ชี้ว่า เป็นเรื่องยากที่อัตราการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะโตถึง 7% เหมือนช่วง 15 ปีก่อน ตลาดของประเทศไทยตอนนี้ค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว
หากพิจารณาการเติบโตของยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคในไตรมาส 1 ของปีนี้กลับติดลบ 2.6% สวนทางกับตัวเลขการส่งออกที่โต 9.7% การท่องเที่ยวที่โต 11.6% และการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัว 12% ขณะที่ตัวเลขหนี้ครัวเรือนของไทยสูงติดอันดับที่ 13 ของโลก หรือคิดเป็น 77% ของ GDP ซึ่งส่งผลกระทบกับการบริโภคอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ในขณะนี้ภาคส่วนที่เห็นผลบวกของเศรษฐกิจคือภาคการส่งออกธุรกิจขนาดใหญ่ คาดว่าส่วนของผู้บริโภคจะเห็นการปรับตัวที่ชัดเจนไตรมาส 4 ของปีนี้
ขณะที่ ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว สิ่งที่ภาคค้าปลีกโดยเฉพาะบรรดาร้านค้าต้องให้ความสำคัญคือการทำการตลาดให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของร้านค้า ซึ่งอาศัยการเก็บรวบรวมและจัดระเบียบข้อมูล ซึ่งต่างพื้นที่ก็จะมีลักษณะของผู้บริโภคที่ต่างกันออกไป และเทรนด์ของร้านค้าปลีกที่เห็นขณะนี้คือบรรดาไฮเปอร์มาร์เก็ตต่างพากันลดขนาดร้านให้เล็กลงและเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น เป็นไปได้ที่ร้านค้าปลีกอาจมีพื้นที่โชว์สินค้าตัวอย่าง ซึ่งไม่ต้องวางสินค้าไว้มากแต่ต้องครบประเภทของสินค้า
นอกจากนี้ทาง Nielsen ยังเปิดตัว Smart Store ซูเปอร์มาร์เก็ตเสมือนซึ่งใช้เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) โดยผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้เหมือนกันร้านค้าปลีกจริง ขณะนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 4 ที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้เพื่อเก็บข้อมูลของผู้บริโภคและนำไปวิเคราะห์ โดย Erin Feeney-McKinney เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ Business Process Improvement ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว THE STANDARD ว่า เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ได้กับทั้งร้านสินค้าทั่วไป หรือกระทั่งภาคอสังหาริมทรัพย์ สิ่งที่สำคัญคือการจำลองพื้นที่เพื่อการตัดสินใจก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนได้ ในอนาคตจะเห็นบทบาทของเทคโนโลยี VR ในภาคธุรกิจมากขึ้น และเป็นไปได้ที่องค์กรธุรกิจอาจจะตั้งหน่วยงาน Virtual Business Unit ที่ทำธุรกิจบนโลกเสมือนในอนาคตอันใกล้
นอกจากนี้ Nielsen แนะนำร้านค้ารูปแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ให้ปรับปรุงร้าน ใช้ประโชน์จากเทคโนโลยีในการบริหารจัดการให้มากขึ้น ขณะที่แบรนด์ต่างๆ ก็จะเลือกร้านค้าที่มีศักยภาพให้เข้มข้นขึ้น ไม่เน้นกระจายออกไปตามจุดต่างๆ ให้มากที่สุดเหมือนที่เคยทำมา และ ดร.ฉัตรชัย ประเมินว่า ธุรกิจค้าปลีกแบบร้านค้าทันสมัย (Modrn Trade) ไม่ได้เติบโตกว่านี้มากแล้ว และจะหันไปขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ เช่น เมียนมาหรือเวียดนามแทน ขณะที่ตัวขับเคลื่อนสำคัญคือร้านค้ารูปแบบดั้งเดิมที่จะขยายตัวขึ้นและมีบทบาทกับภาคค้าปลีกมากกว่าเดิม
อ้างอิง:
- Nielsen
- สมาคมผู้ค้าปลีกไทย