วันนี้ (3 ธันวาคม) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง ‘เรื่องวุ่นๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ ภาค 2’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายน 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับเรื่องวุ่นๆ ของพรรคประชาธิปัตย์
การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของนิด้าโพล สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 97
การเลือกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่มีสิทธิเลือกตั้ง
- พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 50.53 ระบุว่าไม่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์, รองลงมา ร้อยละ 35.80 ระบุว่าเคยเลือก แต่ไม่ได้เลือกในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566, ร้อยละ 12.52 ระบุว่าเคยเลือก รวมถึงในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 และร้อยละ 1.15 ระบุว่ายังไม่เคยไปเลือกตั้งเลย
สาเหตุที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ยืนหยัดในการเมืองไทยได้จนถึงปัจจุบัน พบว่า
- ร้อยละ 39.62 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์มีแฟนคลับ มีฐานทางการเมืองที่มั่นคง เช่น ฐานในภาคใต้
- ร้อยละ 30.92 ระบุว่า ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่มีศักยภาพในการนำพรรค
- ร้อยละ 26.41 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นสถาบันทางการเมืองที่มั่นคง
- ร้อยละ 22.60 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์มีอุดมการณ์ชัดเจนในการต่อสู้กับระบบเผด็จการและการคอร์รัปชัน
- ร้อยละ 20.08 ระบุว่า สส. หรือแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่มีความเชี่ยวชาญทางการเมือง
- ร้อยละ 9.16 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์มีวัฒนธรรมความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรค
- ร้อยละ 3.21 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเจ้าของ
- ร้อยละ 3.44 ระบุว่า ไม่ทราบ ไม่ตอบ และไม่สนใจ
สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ควรทำเพื่อที่จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง พบว่า
- ร้อยละ 45.50 ระบุว่า ปฏิรูปพรรคให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางการเมืองไทยในปัจจุบัน
- ร้อยละ 35.65 ระบุว่า เลือกหัวหน้าพรรคที่มีศักยภาพในการนำพรรค
- ร้อยละ 17.94 ระบุว่า คัดสรรตัวแทนผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคที่มีคุณภาพ ทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น
- ร้อยละ 17.79 ระบุว่า แสดงบทบาทการเป็นฝ่ายค้านที่มีศักยภาพ
- ร้อยละ 15.34 ระบุว่า เชิญอดีตแกนนำพรรคที่ออกจากพรรคไปแล้วให้กลับเข้ามาช่วยฟื้นฟูพรรค
- ร้อยละ 13.51 ระบุว่า สร้างความเป็นเอกภาพภายในพรรค
- ร้อยละ 8.09 ระบุว่า เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อสร้างผลงาน
- ร้อยละ 7.94 ระบุว่า เลือกเลขาธิการพรรคที่มีความสามารถในการบริหารพรรค
- ร้อยละ 1.45 ระบุว่า ไม่ทราบ ไม่ตอบ และไม่สนใจ
บุคคลที่เหมาะสมจะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป พบว่า
- อันดับ 1 ร้อยละ 28.32 ระบุว่า ไม่ทราบ ไม่ตอบ และไม่สนใจ
- อันดับ 2 ร้อยละ 27.10 ระบุว่า เป็น วทันยา บุนนาค (มาดามเดียร์)
- อันดับ 3 ร้อยละ 20.46 ระบุว่า เป็น เฉลิมชัย ศรีอ่อน
- อันดับ 4 ร้อยละ 9.39 ระบุว่า เป็น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
- อันดับ 5 ร้อยละ 7.94 ระบุว่า เป็น นราพัฒน์ แก้วทอง
- อันดับ 6 ร้อยละ 6.03 ระบุว่า เป็น ชวน หลีกภัย
- ร้อยละ 0.76 ระบุอื่นๆ ได้แก่ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และ บัญญัติ บรรทัดฐาน
ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อพรรคประชาธิปัตย์หลังการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 36.11 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์จะมีความเป็นเอกภาพมากขึ้น, รองลงมา ร้อยละ 24.58 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์จะอยู่กันต่อไปแบบบรรยากาศมาคุ (อึดอัด อึมครึม), ร้อยละ 18.39 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์จะแตกแยก โดยมีบางส่วนย้ายออกจากพรรค, ร้อยละ 15.27 ระบุว่า ที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์จะไม่สามารถเลือกหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคได้ และร้อยละ 5.65 ระบุว่า ไม่ทราบ ไม่ตอบ และไม่สนใจ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: