คำว่า ดิวิชันนัลเพลย์ออฟ แปลความหมายง่ายๆ สำหรับคนที่อาจยังไม่คุ้นกับ NFL ก็คือ รอบ 8 ทีมสุดท้ายนี่แหละครับ
6 ทีมผ่านศึกรอบไวลด์คาร์ดกันมา ขณะที่ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ กับ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ครองอันดับ 1 ของคอนเฟอเรนซ์ คว้าชัยกันมา 14 เกม ได้รางวัลไม่ต้องแข่งสัปดาห์ก่อน จะลงแข่งเกมแรก
คู่ประเดิมจะเริ่มกันเวลา 04.30 น. เช้าวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม
(4) แจ็คสันวิลล์ จากัวร์ส เยือน (1) แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์
จากัวร์สกำลังขี่โมเมนตัม ชนะรวมตั้งแต่ฤดูกาลปกติก็ 6 เกมติดแล้ว โดยล่าสุดถือว่าโกงความตาย ตกเป็นรอง แอลเอ ชาร์จเจอร์ส 27 แต้ม และควอเตอร์แบ็ก เทรเวอร์ ลอว์เรนซ์ ก็เสียถึง 4 อินเตอร์เซปต์ กลับคัมแบ็กมาแซงเชือด 31-30
คราวนี้เจอโจทย์ยากยิ่งกว่าเดิม เพราะต้องเยือน แคนซัส ซิตี้ ซึ่งมี แพทริก มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กระดับฟอร์ม MVP ซึ่งได้พักฟื้นร่างกายเต็มที่
พวกเขาเคยสู้กันเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน
มาโฮมส์ขว้างใส่จากัวร์ส 4 ทัชดาวน์ ระยะ 331 หลา แม้จะมีพลาดท่า 1 อินเตอร์เซปต์
ชีฟส์กระโจนนำ 20-0 ตั้งแต่ควอเตอร์ 2 จากัวร์สพยายามไล่กวด
ลอว์เรนซ์ขว้าง 259 หลา 2 ทัชดาวน์ แต่ไม่สามารถเข็นทีมให้ลดช่องว่างลงไปต่ำกว่า 10 คะแนน ปราชัย 17-27
แม้ตอนนี้สภาพทีมกำลังฮึกเหิม ฟอร์มดูดีขึ้น แต่การต่อกรกับทีมเต็งแชมป์ เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขาทีเดียว
ความหวังของชีฟส์: นอกจากควอเตอร์แบ็กอย่างมาโฮมส์ ยังมีปีกใน ทราวิส เคลซี และโค้ชเก่งกาจ แอนดี้ รีด
แน่นอนว่าความเป็นทีมฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จได้ ต้องมีอีกหลายคนเกี่ยวข้อง แต่เวลานึกถึงชีฟส์ 3 คนนี้โดดเด่นมากที่สุด
ขนาดปีกนอกตัวเก่ง ไทรีก ฮิลล์ ย้ายทีม แต่เกมบุกพวกเขายังทรงประสิทธิภาพมาก มีศักยภาพแบบเหนือกว่าทีมอื่นๆ ชัดเจน
ออฟเฟนซีฟไลน์ต้องได้รับเครดิตพอสมควร
ส่วนเกมป้องกัน คริส โจนส์ ตำแหน่งดีเฟนซีฟแท็กเกิล ทะลวงแนวคู่แข่ง เข้าถึงตัวควอเตอร์แบ็กคู่แข่งมากกว่าผู้เล่นตำแหน่งเดียวกันในลีก 26 หน
แม้ภาพรวมของทีมรับอาจไม่มีสีสัน แต่ถ้าคุณมีทีมบุกระดับแชมป์ ขอเพียงรักษาฟอร์มระดับนี้ได้ก็น่าจะเพียงพอ
ลอว์เรนซ์คือควอเตอร์แบ็กดาวรุ่ง เพิ่งสร้างความฮือฮาสัปดาห์ก่อน และไม่เคยแพ้เวลาแข่งวันเสาร์ท้องถิ่นมาตลอดชีวิต ทั้ง 34 เกม แต่ตอนนี้เขายังไม่ถึงระดับมาโฮมส์
ความหวังของจากัวร์ส: โค้ชดัก พีเดอร์สัน เข้ามาปีเดียว ก็ทำให้ลอว์เรนซ์ทำผลงานสมราคา ดราฟต์อันดับ 1 ปี 2021
เขายังปลุกเร้าทีมให้ฮึดสู้ชาร์จเจอร์ส กล้าได้กล้าเสียในการเรียกเพลย์ อีกทั้งตัวรับบอลหลายคนซึ่งเซ็นสัญญามาตอนปิดซีซันก็ทำผลงาน ทั้ง คริสเตียน เคิร์ก, อีวาน เอ็นแกรม
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดยังต้องยกระดับฝีมือให้อยู่เกรดเอตลอดทั้งเกม
(6) นิวยอร์ก ไจแอนท์ส เยือน (1) ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ แข่งเวลา 08.15 น. เช้าวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม
แม้เป็น 2 ทีมคู่แค้นร่วมดิวิชัน NFC ตะวันออก ต้องสู้กันซีซันละ 2 หน แต่ที่ผ่านมาวัดผลได้เกมเดียวเมื่อสัปดาห์ 14 เพราะควอเตอร์แบ็กตัวจริงทั้งสองฝ่ายลงแข่ง
ตอนนั้นอีเกิลส์สยายปีกบุกถล่มนิวยอร์ก 48-22 ได้ทัชดาวน์ทางพื้นดิน 4 หน, ทางอากาศอีก 2 ครั้ง ทำระยะใส่ 437 หลา
อย่างไรก็ตาม วิงก์ มาร์ทินเดล โค้ชทีมรับไจแอนท์ส พยายามแก้ไขจนดีขึ้นตลอด 1 เดือน 3 เกมสุดท้ายฤดูกาลปกติ เสียระยะเฉลี่ยเหลือ 315 หลา
ออกไปเยือนมินนิโซตาสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งเอาชนะมาได้ 31-24 ก็เสียระยะไม่เยอะ 332 หลา
ส่วนทีมบุกนำโดยควอเตอร์แบ็ก แดเนียล โจนส์ ก็เก่งขึ้นช่วงหลังเช่นกัน เขากลายเป็นตัวทีเด็ด เกมที่แล้ววิ่งเอง 78 หลา รวมทั้งเปลี่ยนเฟิร์สดาวน์ 7 หน
เพียงแต่อีเกิลส์ซึ่งเหมือนปล่อยเกียร์ว่าง เข้ารอบเพราะพัก เจเลน เฮิร์ตส์ ควอเตอร์แบ็กดาวรุ่ง ซึ่งบาดเจ็บไหล่ในสัปดาห์ 15 ให้กลับมาเคาะสนิมเกมปิดท้ายฤดูกาล แล้วก็พักมาเต็มที่อีก 1 สัปดาห์
ทีมรับอีเกิลส์ก็เหนียวแน่น ตอนปราบนิวยอร์กสัปดาห์ 14 ปล่อยให้รันนิงแบ็ก เซควอน บาร์คลีย์ วิ่งได้ระยะแค่ 28 หลา
ความหวังของอีเกิลส์: นี่คือทีมครบเครื่องมาก เหนือกว่าไจแอนท์สแทบทั้งหมด ควอเตอร์แบ็ก, ออฟเฟนซีฟไลน์, ปีกนอก, ดีเฟนซีฟไลน์, กองกลาง, กองหลัง ที่อาจเป็นรองบ้างก็คือตัววิ่งกับตัวเตะแค่นั้นเอง
จึงไม่น่าแปลกใจที่อีเกิลส์เอาชนะคู่แข่งหลายวิธี
เฮิร์ตส์คือควอเตอร์แบ็กที่วิ่งเก่งมาก ขณะที่ไจแอนท์สปล่อยควอเตอร์แบ็กคู่แข่งวิ่งหนหนึ่ง 5.2 หลา แย่ที่สุดอันดับ 2 ของลีก
ถ้าต้องปาลูก ก็ยังมี 2 ปีก เอ.เจ. บราวน์ กับ เดวอนตา สมิธ
ส่วนการป้องกัน พวกตัวโจมตีสามารถบี้ถึงควอเตอร์แบ็กบ่อยครั้ง แต่ถ้าควอเตอร์แบ็กยังปาลูกออกมาได้ พวกเขาก็ยังมีกองหลังเอาไว้ประกบใส่ปีกนอกอีก
ความหวังของไจแอนท์ส: อยู่ที่ โจนส์ ซึ่งนอกจากการขว้างบอลแล้วยังวิ่งได้เกินคาดหมาย เวลาที่แผนแตก และบาร์คลีย์อย่างไรก็น่ากลัว แม้เจออีเกิลส์นัดแรกจะไม่ได้แสดงพิษสงอะไรมากนัก
ทั้ง 2 คนต้องช่วยกันสร้างเพลย์บนภาคพื้นดินเพื่อความหวังให้เกิดผลพลิกล็อก
ส่วนทีมรับ ตัวเด่นสุดคือดีเฟนซีฟแท็กเกิล เด็กซ์เตอร์ ลอว์เรนซ์ ช่วงนี้กำลังทะลวงแนวด้านในคู่แข่ง เข้าถึงตัวควอเตอร์แบ็กเป็นว่าเล่น
ถ้าเกิดเฮิร์ตส์ยังไม่หายปวดไหล่ ขว้างบอลได้อย่างจำกัด อะไรก็เกิดขึ้นได้
ข้ามฟากมาถึงช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 23 มกราคม ยังมีอีก 2 คู่ ดังนี้
(3) ซินซินเนติ เบงกอลส์ เยือน (2) บัฟฟาโล บิลส์ เวลา 03.00 น.
ไฮไลต์ก็คงไม่พ้นเรื่อง เดมาร์ แฮมลิน เซฟตี้ของบิลส์ ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนนี้เอง
แฮมลินหัวใจหยุดเต้นชั่วขณะ เมื่อโดน ที ฮิกกินส์ ปีกนอกของเบงกอลส์ ชนใส่ตั้งแต่ควอเตอร์แรกของเกมวันที่ 3 มกราคม
เดชะบุญ แฮมลินฟื้นคืนชีพมาด้วยการรักษาอย่างทันท่วงที และตอนนี้ออกจากโรงพยาบาลไปพักฟื้นที่บ้านในบัฟฟาโลแล้ว
ก่อนเกิดเรื่องสะเทือนขวัญ การสู้กันของ 2 ทีมถือว่าเป็นศึกสำคัญของฤดูกาล 2 หัวแถว AFC ต่อสู้เดิมพันการชิงอันดับ
ท้ายสุด การแข่งดังกล่าวถูกยกเลิกไป
พวกเขาลงดวลกันอีกครั้ง สลับมาแข่งฝั่งบัฟฟาโลบ้าง เดิมพันก็คือใครแพ้กลับบ้าน
เรายังจะได้เห็นชื่อของ โจ เบอร์โรว์ ควอเตอร์แบ็กเบงกอลส์ กับ จามาร์ เชส ปีกคู่ใจ ปะทะ จอช อัลเลน ควอเตอร์แบ็กบิลส์ กับ สเตฟอน ดิกส์ ปีกคู่ใจ เป็นไฮไลต์
แต่ปัจจัยสำคัญของเกมก็คือออฟเฟนซีฟไลน์
ทางซินซินเนติมีปัญหาตัวสำคัญทยอยบาดเจ็บ กว่าจะผ่าน บัลติมอร์ เรฟเวนส์ หืดจับ 24-17
ส่วนบัฟฟาโลก็เพิ่งปล่อยให้ทีมรับดอลฟินส์เข้ามาแซ็กอัลเลนถึง 7 ครั้ง เมื่อรอบไวลด์คาร์ด จนเกมสูสีกว่าที่คิด เอาชนะได้แค่ 34-31
ความหวังของบิลส์: แม้ฟอร์มล่าสุดอาจไม่ค่อยน่าประทับใจ แต่ถ้ามองภาพกว้างตลอดซีซันจะเห็นว่าพวกเขามีควอเตอร์แบ็กชั้นยอด และปีกนอกฝีมือเยี่ยม
แม้ออฟเฟนซีฟไลน์ดูไม่ค่อยน่าเชื่อใจ แต่ถ้าอัลเลนมีเวลาขว้างบอลเมื่อไร แฟนๆ ก็ได้ลุ้นเมื่อนั้น แม้แต่ถ้าต้องวิ่งเอาตัวรอดก็ยังสร้างบิ๊กเพลย์ได้
ส่วนทีมรับ นี่คือโอกาสแสดงศักยภาพ ในเมื่อออฟเฟนซีฟไลน์เบงกอลส์ เดิมทีตัวจริงทางขวา อเล็กซ์ แคปปา กับ ลาเอล คอลลินส์ เดี้ยงไปแล้ว 2 คน โจนาห์ วิลเลียมส์ แท็กเกิลซ้ายก็เจ็บจากเกมเจอเรฟเวนส์เพิ่มอีก กลับมาแข่งไม่ทันไปอีกคน
เกร็ก รุสโซ ตัวโจมตีบิลส์ และเพื่อนร่วมทีม มีโอกาสจะเข้าไปป่วนเบอร์โรว์และเกมขว้างเบงกอลส์อย่างมาก
นอกจากนั้น กองกลางพวกเขาก็ไม่ธรรมดา ทั้ง แมตต์ มิลาโน กับ เทรเมน เอ็ดมันด์ส
ความหวังของเบงกอลส์: เบอร์โรว์มีเชสคอยรับบอลในสภาพร่างกายที่ดีขึ้นกว่าเดิม มีตัววิ่งอย่าง โจ มิกซอน คอยหนุน
อีกทั้งออฟเฟนซีฟไลน์ซึ่งเจ็บกันระนาว อย่างน้อยก็ไม่ต้องเจอ วอน มิลเลอร์ ตัวโจมตีชื่อดังของบิลส์ ซึ่งบาดเจ็บพักยาวตลอดซีซันไปแล้ว
ส่วนทีมรับ พวกเขาได้ เทรย์ เฮนดริกสัน ซึ่งเคยพักมาหลายเกมลงช่วย
อัลเลนคือควอเตอร์แบ็กที่เก่งกาจจริง แต่มีปัญหาเทิร์นโอเวอร์มากที่สุดในบรรดาควอเตอร์แบ็ก
ขนาดเจอกับไมอามี ซึ่งใช้ควอเตอร์แบ็กมือ 3 บิลส์ยังต้องออกแรงสู้จนท้ายเกมถึงรอดมาอย่างหวุดหวิด
(5) ดัลลัส คาวบอยส์ เยือน (2) ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ ไนน์เนอร์ส เป็นคู่ปิดท้ายในรอบดิวิชันนัลเพลย์ออฟ แข่งเวลา 06.30 น.
อดีตคู่แค้นเมื่อยุค 90 โคจรกลับมาเจอกันอีกครั้ง
คาวบอยส์เพิ่งชนะเพลย์ออฟนอกบ้านหนแรกในเวลา 30 ปี สมัยนั้นก็ทำใส่ซานฟรานซิสโก
พวกเขายังมีรอยแค้นต้องสะสางจากซีซันก่อน เมื่อโดนโฟร์ตี้ ไนน์เนอร์ส บุกมาปราบ จนกลายเป็นเจ้าบ้านทีมเดียวที่ตกรอบไวลด์คาร์ด
แด็ก เพรสคอตต์ วิ่งเอง 17 หลา ถึงเส้น 24 ไนน์เนอร์ส ตอนเหลือ 8 วินาที แต่เขาปาลูกลงพื้นเพื่อหยุดเวลาไม่ทัน คาวบอยส์พ่ายแพ้ 17-23
ซีซันนี้คาวบอยส์ยังสถิติเท่าเดิม 12-5 แต่ไม่ได้เป็นแชมป์ดิวิชัน อีกทั้งฟอร์มตลอดเดือนสุดท้ายนับว่าลุ่มๆ ดอนๆ กระทั่งเพิ่งประกาศศักดา บุกถล่ม ทอม เบรดี และพลพรรคบัคคาเนียร์ส เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 31-14 กลายเป็นทีมเยือนเพียงรายที่ 2 ซึ่งเอาชนะรอบไวลด์คาร์ด
ทว่าไนน์เนอร์สพัฒนาทีมขึ้นจนน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม ขนาดควอเตอร์แบ็กต้องใช้มือ 3 อย่าง บร็อก เพอร์ดี ซึ่งเพิ่งดราฟต์เข้าลีกเป็นคนสุดท้าย แต่เขามีอาวุธให้ใช้งานรอบตัว ทั้งปีกใน จอร์จ คิตเทิล, รันนิงแบ็ก คริสเตียน แม็คแคฟฟรีย์ กับ 2 ปีกนอก ดีโบ ซามูเอล, แบรนดอน ไอยัก
เกมบุกภายใต้การเรียกเพลย์ของโค้ชไคล์ ชานาฮาน จากที่เคยตะกุกตะกักต้นซีซัน ดูไหลลื่นตั้งแต่เพอร์ดีขึ้นเป็นตัวจริง
แต่ที่น่ากลัวกว่ากลับเป็นเกมป้องกัน
พวกเขาอินเตอร์เซปต์มากสุดร่วมลีก 20 ครั้ง เท่า พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส และเสียระยะวิ่งต่อครั้งแค่ 3.4 หลา น้อยสุดร่วมกับไททันส์
เกมป้องกันคาวบอยส์ นำโดย ไมคาห์ พาร์สันส์ ก็เคยคู่คี่มากับไนน์เนอร์ส จนเป๋เอาเดือนสุดท้าย แต่อย่างน้อยยังแซ็กคู่แข่ง 54 ครั้ง อินเตอร์เซปต์อีก 16 หน และเกมล่าสุดที่เจอเบรดีก็ไล่กดดันใส่ 10 ครั้งช่วงครึ่งแรก จนควอเตอร์แบ็กระดับตำนานเล่นไม่ออก
ความหวังของไนน์เนอร์ส: อย่างที่บอกเอาไว้ว่า นับจากเพอร์ดีก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริง เกมบุกไนน์เนอร์สกลับดีขึ้นอย่างน่าแปลกใจ ทำให้ทีมมีแต้มเพิ่มขึ้นกว่าการประเมิน 0.19 ต่อเพลย์ ขนาดชีฟส์มี แพทริก มาโฮมส์ อยู่ด้วยยังมีค่าเฉลี่ยส่วนนี้ 0.18
ถ้าเพอร์ดีเจอแรงกดดันเพลย์ออฟจนเล่นไม่ออกล่ะ
พวกเขายังมีเกมป้องกัน ซึ่งค่าสถิติป้องกันต่อเพลย์ ไม่ว่าจะกันวิ่งหรือกันขว้างเหนือกว่าทุกทีม
ตัวดังๆ เต็มไปหมด นิก โบซา, เฟรด วอร์เนอร์, เดร กรีนลอว์ จนถึง ทาลานัว ฮูแฟงกา
ดีเฟนซีฟไลน์พวกเขาสามารถเข้ากดดัน จนทำให้เพรสคอตต์ผิดพลาดเสียเทิร์นโอเวอร์เหมือนที่เคยทำบ่อยๆ
ความหวังของคาวบอยส์: เวลาทุกอย่างลงตัว คาวบอยส์ก็คือทีมน่าเกรงขาม เราเห็นตัวอย่างมาก่อนหน้าทั้งในเกมไล่ถล่มไวกิ้งส์ กับ โคลท์ส มาแล้ว ล่าสุดก็บัคคาเนียร์ส
เวลาเพรสคอตต์เข้าฝัก เขามีเป้าให้ปาบอล ทั้งปีกนอก ซีดี แลมบ์ กับปีกใน ดาลตัน ชูลต์ซ และมีรันนิงแบ็ก โทนี พอลลาร์ด คอยหนุนทางพื้นดิน
ทีมรับคาวบอยส์ก็ทำให้คู่แข่งเสียเทิร์นโอเวอร์ (33) มากกว่าใครในลีก
นี่อาจเป็นปัจจัยพลิกผันเกม เมื่อมาสู้กับยอดทีมแบบไนน์เนอร์ส
พาร์สันส์ต้องเล่นงาน เทรนต์ วิลเลียมส์ แท็กเกิลร่างยักษ์ของเจ้าบ้านเข้าไปบีบจนเพอร์ดีผิดพลาด
ถ้าเขาทำได้ แล้วเกมบุกคาวบอยส์ยังรักษาฟอร์มเหมือนตอนเจอบัคส์ โอกาสพลิกล็อกก็มีเหมือนกัน