×

เครื่องยิงเลเซอร์มาแล้ว! กองทัพเรือสหรัฐฯ ทดสอบ ‘LaWS’ อาวุธเลเซอร์ทำลายล้างโดรน

19.07.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • กองทัพกำลังทดสอบอาวุธเลเซอร์ (LaWS) ที่ถูกออกแบบมาด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งสามารถทำลายโดรนและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่เข้ามาใกล้เรือรบของตนได้ ด้วยเลเซอร์ความเร็วแสง ก่อนที่จะทำการติดตั้งบนเรือรบ USS Ponce และออกปฏิบัติภารกิจแล้ววันนี้
  • ลำแสงอนุภาคโฟตอนของ ‘LaWS’ สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วด้วยความเร็วแสง หรือประมาณ 50,000 เท่าของความเร็วของขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่เกาหลีเหนือทดสอบสำเร็จไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
  • การเปิดตัวและทดสอบ ‘LaWS’ คือการตอบโต้การประกาศชัยชนะของเกาหลีเหนือ หลังจากที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการพัฒนาและทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่เชื่อว่า สามารถยิงไกลได้ถึงแผ่นดินของสหรัฐฯ พร้อมทั้งแสดงจุดยืนของตนในฐานะประเทศมหาอำนาจที่มีขีดความสามารถทางการทหารและกองทัพสูงที่สุดในโลกว่า พวกเขาไม่กลัวและพร้อมจะตอบโต้ทุกการโจมตีของเกาหลีเหนือ

     การแข่งขันกันพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์เเละเพิ่มขีดความสามารถทางด้านการทหารของประเทศมหาอำนาจต่างๆ เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงสงครามโลกจนถึงปัจจุบัน เพื่อเสริมสร้างและรักษาอำนาจของตนไว้ให้ได้มากที่สุดและนานที่สุดในเวทีโลก ล่าสุดเจ้าหน้าที่กองทัพเรือสหรัฐฯ เผยว่า ทางกองทัพกำลังทดสอบอาวุธเลเซอร์ที่ถูกออกแบบมาด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งสามารถทำลายโดรนและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่เข้ามาใกล้เรือรบของตนได้ ด้วยเลเซอร์ความเร็วแสง

 

 

     อาวุธชนิดนี้มีชื่อย่อว่า ‘LaWS’ เป็นอาวุธประเภทเครื่องยิงแสงเลเซอร์ ที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในภาพยนตร์หรือละครแนวไซไฟวิทยาศาสตร์ โดยกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ทำการติดตั้งอาวุธชนิดนี้บนเรือรบลาดตระเวนและขนส่งสินค้า USS Ponce และประจำการพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่แล้ววันนี้ ภายใต้การบังคับบัญชาของกัปตันคริสโตเฟอร์ เวลส์ (Capt. Christopher Wells) และลูกเรือของเขา

     กัปตันคริสโตเฟอร์ กล่าวกับสำนักข่าวต่างประเทศว่า “อาวุธชนิดนี้มีความเเม่นยำกว่าลูกกระสุนปืนมาก มันไม่ได้เป็นอาวุธที่โจมตีได้จำกัดเหมือนกับอาวุธชนิดอื่นๆ แต่มันสามารถโจมตีเป้าหมายได้หลากหลาย”

 

 

     ‘LaWS’ เป็นอาวุธที่มีความได้เปรียบต่ออาวุธชนิดอื่นๆ อย่างมาก ตัวอย่างเช่น ลำแสงอนุภาคโฟตอนของมัน สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเทียบเท่าความไวแสง หรือประมาณ 50,000 เท่าของความเร็วของขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM)

     Lt. Cale Hughes เจ้าหน้าที่ควบคุมระบบของอาวุธชนิดนี้กล่าวว่า “พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลต่อปัจจัยอื่นๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นเเรงลมหรือระยะห่าง เพราะพวกเราสามารถจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยลำแสงที่เดินทางด้วยความไวแสง”

     การโจมตีโดรนหรือสิ่งแปลกปลอมต้องสงสัยต่างๆ จะไม่มีเสียงและไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลย Lt. Cale Hughes อธิบายอีกว่า “อาวุธชนิดนี้จะทำงานโดยการปล่อยลำแสงเดินทางผ่านสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ดังนั้น คุณจะไม่เห็นแม้กระทั่งลำแสงของเลเซอร์และจะไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลยขณะที่พวกเราโจมตี นี่คือความสามารถที่อาวุธของพวกเราทำได้”

 

 

     กองทัพเรือสหรัฐฯ ใช้งบประมาณทางทหารกว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีในการพัฒนาและทดสอบ ‘LaWS’ ก่อนที่จะประสบความสำเร็จและนำมาติดตั้งเพื่อปฏิบัติภารกิจจริงในภาคพื้นสนาม อาวุธชนิดนี้จะผลิตลำแสงเลเซอร์จากกำลังไฟฟ้า มีทีมควบคุมระบบ 3 คน โดยจะทำการเล็งเป้าหมายที่เข้ามาใกล้เขตพื้นที่ของตน

     มีการประเมินว่า ในการยิงเเสงเลเซอร์แต่ละครั้งของ ‘LaWS’ เฉลี่ยแล้วมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

     เหตุผลสำคัญที่กองทัพเรือสหรัฐฯ หันมาให้ความสำคัญกับอาวุธประเภทนี้ เนื่องจากประเทศมหาอำนาจในภูมิภาคต่างๆ ส่วนใหญ่หันมาใช้โดรน หรืออากาศยานไร้คนขับกันมากยิ่งขึ้น ความสำเร็จในการคิดค้นและพัฒนาอาวุธชนิดนี้จึงเป็นการป้องปรามประเทศมหาอำนาจเหล่านั้นทางหนึ่งด้วย

 

 

     นอกจากนี้ยังเป็นการตอบโต้การประกาศชัยชนะของเกาหลีเหนือที่มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการพัฒนาและทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล อย่างขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่สามารถยิงไกลได้ถึงแผ่นดินของสหรัฐฯ เพื่อแสดงจุดยืนในฐานะประเทศมหาอำนาจที่มีขีดความสามารถทางการทหารและกองทัพสูงที่สุดในโลกว่า พวกเขาไม่กลัวและพร้อมจะตอบโต้ทุกการโจมตีของเกาหลีเหนือ

     และในขณะนี้กองทัพเรือสหรัฐฯ กำลังเร่งเดินหน้าพัฒนา ‘LaWS’ รุ่นที่ 2 ที่มีคุณสมบัติและความสามารถพิเศษต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถจัดการกับอาวุธหรือเป้าหมายได้ทุกชนิด ซึ่งโครงการพัฒนาและทดสอบดังกล่าวยังถูกเก็บเป็นความลับ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่กองทัพสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาอาวุธชนิดใด พวกเขาจะต้องเปิดตัวอาวุธนั้นต่อสายตาของประชาคมโลกอย่างแน่นอน

 

 

 

Photo: CNN/Youtube

อ้างอิง

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X