รัฐบาลญี่ปุ่นหนุน ‘ทำงานที่บ้าน’ รับมือโอลิมปิก 2020 หวังไกลแก้ปัญหา ‘ฆ่าตัวตาย’ จากงานหนักเกิน

ทางการญี่ปุ่นสนับสนุนให้ประชาชนทดลองทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อรับมือช่วงงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในอีก 3 ปีข้างหน้าที่จะมีขึ้นในเมืองหลวงของประเทศ

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศให้ทุกวันที่ 24 กรกฎาคมของทุกปี นับตั้งแต่ปี 2017 ถึงปี 2020 บริษัทอนุญาตให้พนักงานทำงานนอกสถานที่ได้ โดยมีบริษัทเกือบ 930 แห่งที่เข้าร่วมวันทำงานระยะไกลครั้งแรกของญี่ปุ่นด้วย

เป็นที่คาดการณ์กันว่า งานแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจะดึงดูดผู้คนเข้ามาในโตเกียวเกือบ 1 ล้านคนต่อวัน ขณะที่ปัจจุบัน กรุงโตเกียวมีประชากรเกือบ 14 ล้านคน แต่มีประชาชนที่อาศัยอยู่จริงราว 35 ล้านคน และต่างใช้งานการคมนาคมสัญจรไปมาเป็นกิจวัตร

Photo: YAMANAKA/AFP

รัฐบาลญี่ปุ่นคาดหวังว่า การทดลองเหล่านี้จะสามารถช่วยเตรียมความพร้อมให้ประชาชนหากต้องทำงานอยู่ที่บ้านหรือพื้นที่สาธารณะระหว่างช่วงการแข่งขันกีฬาระดับโลก ด้วยหวังว่าจะช่วยให้ระบบขนส่งสาธารณะมีคนใช้งานน้อยลง เพื่อรองรับผู้ชม นักกีฬา และคณะผู้จัดงานที่ต้องเดินทางไปมาตามสถานที่ต่างๆ

กระแสตอบรับจากประชาชนนั้นปะปนกันไป โดยมีส่วนหนึ่งเผยว่า การคมนาคมผ่านทางรถโดยสารประจำทางหรือรถไฟมีคนน้อยลงกว่าปกติ อีกส่วนกลับชี้ว่า ไม่ได้แตกต่างจากชีวิตประจำวันเลย

หย่อนวัฒนธรรมบ้างาน

นอกจากการทดลองทำงานนอกออฟฟิศ ไม่เพียงแต่คาดหวังเพื่อเตรียมตัวสำหรับช่วงคนหนาแน่นในโอลิมปิก 2020 เท่านั้น แต่รัฐบาลยังคาดหวังอีกว่าจะช่วยให้สถานการณ์การทำงานหนักเกินควรในประเทศลดลงได้ด้วย

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ใช้นโยบายให้พนักงานเลิกงานตอน 15.00 น. ในวันศุกร์สิ้นเดือนด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้เปิดเผยรายชื่อบริษัท 300 แห่งที่ละเมิดกฎหมายแรงงานเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อประจานให้มีการตรวจสอบผู้จัดการด้วย

ในปี 2015 มีกรณีอื้อฉาวเกิดขึ้นหลังพนักงานหญิงในบริษัทโฆษณาจบชีวิตตัวเองหลังทำงานล่วงเวลา 100 ชั่วโมงต่อเดือน ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุข้อมูลว่า ในประเทศญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่า 20,000 คนต่อปี โดยสาเหตุหนึ่งคือผลจากการทำงานหนัก

อนาคตการทำงานนอกออฟฟิศ

กระทรวงต่างประเทศและการสื่อสารญี่ปุ่นระบุว่า จากการสำรวจเมื่อ 2 ปีก่อน มีบริษัทเพียง 16 เปอร์เซ็นต์ที่อนุญาตให้พนักงานทำงานนอกสถานที่ได้บ้าง ซึ่งรัฐบาลชินโซ อาเบะ วางแผนเพิ่มยอดการทำงานนอกสถานที่หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ให้เป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2020 ซึ่งเมื่อสำรวจในปี 2015 มีเพียง 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

The Wall Street Journal ระบุว่า การทำงานนอกสถานที่ในญี่ปุ่นเติบโตขึ้นช้ามาก เนื่องจากวัฒนธรรมการทำงานในญี่ปุ่นที่เน้นการทำงานหนัก การได้เห็นหน้า และความกลัวต่อการโจรกรรมข้อมูล

Harvard Business Review รายงานผลการศึกษาชิ้นหนึ่งว่า คนที่ทำงานอยู่ที่บ้านมีโอกาสลาออกน้อยลง มีความสุขมากขึ้น และมีประสิทธิผลการทำงานมากขึ้น อันเป็นสิ่งที่บริษัทต้องการจากการจ้างงานทั้งนั้น

ฮิโรชิ โอนิชิ นักวางแผนของกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม เปิดเผยต่อ Reuters ว่า “ที่ผ่านมา การทำงานเป็นเวลานานๆ ถือเป็นเรื่องน่ายกย่อง แต่ความคิดแบบนี้ไม่น่าจะอยู่รอดในอนาคต”

อ้างอิง: