×

ย้อนรอยคดีมือปืนป๊อปคอร์น

27.06.2017
  • LOADING...

     ตกเป็นข่าวในโฟกัสของประชาชนอีกครั้ง หลังจากวันนี้ (27 มิถุนายน) ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือ ‘ท็อป มือปืนป๊อปคอร์น’ ซึ่งถูกกล่าวหาจากกรณียิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมระหว่างการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุม กปปส. กับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่บริเวณแยกหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 เนื่องจากไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่าเป็นคนก่อเหตุยิงใส่ช่วงชุมนุม

     ทั้งนี้ศาลให้ขังนายวิวัฒน์ไว้ระหว่างฎีกาก่อน (คลิกอ่านข่าว)

 

1 กุมภาพันธ์ 2557 วันเกิดเหตุ

     – 13:00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงรวมตัวกันในวัดหลักสี่ ‘โกตี๋’ หรือนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำ ประกาศว่า พรุ่งนี้เขตหลักสี่จะต้องมีการเลือกตั้ง (หลังนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ในขณะนั้นประกาศยุบสภา โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557) ต่อมาได้มอบหน้าที่นำมวลชนให้กับนายพรชัย ด้วงแดงโชติ หรือ ‘ดาบเปี๊ยก’ โดยมีการเจรจาจากเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้มีการเคลื่อนมวลชน เนื่องจากเกรงว่าจะมีการเผชิญหน้าและปะทะกับกลุ่ม กปปส. ที่นำโดยพระพุทธะอิสระ ที่ปักหลักชุมนุมปิดล้อมเพื่อไม่ให้มีการนำบัตรเลือกตั้งไปยังที่ต่างๆ ตามมติแกนนำ กปปส.

     – 15:30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมที่วัดหลักสี่เคลื่อนมวลชนมายังสำนักงานเขตหลักสี่ แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจทุ่งสองห้องนำรถตู้มาจอดขวาง ขณะที่ขบวนรถของผู้ชุมนุม กปปส. เคลื่อนจากเวทีห้าแยกลาดพร้าวมายังบริเวณแยกหลักสี่ ใกล้กับบริเวณผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ชุมนุมอยู่ก่อน ทำให้เกิดการขว้างปาสิ่งของใส่กัน และรุนแรงขึ้นจนกระทั่งมีการทุบรถของมวลชนอีกฝ่าย ในวินาทีที่สถานการณ์อยู่ในภาวะตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ ก็มีเสียงคล้ายประทัดยักษ์และเสียงปืนดังขึ้น ส่งผลให้ผู้ชุมนุมบาดเจ็บ 1 ราย และได้รับการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลวิภาวดี

     – สื่อมวลชนหลายสำนักสามารถบันทึกภาพชายฉกรรจ์ปิดบังใบหน้าที่ซุกซ่อนอาวุธปืนไว้ในกระสอบป๊อปคอร์นถุงสีเขียวเหลือง (ต่อมาตำรวจพบภาพชายลักษณะเดียวกัน แต่เปิดหน้า จึงนำภาพชายคนดังกล่าวมาเปรียบเทียบ ก่อนพบว่ามีลักษณะรูปร่างอ้วน สวมหมวกไหมพรมสีดำ เสื้อยืดแขนยาว เสื้อเกราะกันกระสุน เข็มขัดคาดเอว กางเกงยีนส์ รองเท้า อุปกรณ์วิทยุสื่อสารเหมือนกัน และเมื่อนำภาพถ่ายในทะเบียนราษฎรมาเปรียบเทียบกับภาพเปิดเผยใบหน้า ยิ่งเห็นชัดว่าเป็นบุคคลเดียวกัน) เดินมายังแยกหลักสี่ ซึ่งถูกประกาศให้เป็นพื้นที่เหตุการณ์กระทบความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และมีการยิงปืนเข้าไปในบริเวณศูนย์การค้าไอที สแควร์ จนทำให้นางสาวสมบุญ สักทอง, นายอะแกว แซ่ลิ้ว, นายนครินทร์ อุตสาหะ และนายพยนต์ คงปรางค์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมานายอะแกวเสียชีวิต จากนั้นภาพที่สื่อมวลชนบันทึกไว้ถูกเผยแพร่ไปสู่สังคมออนไลน์จำนวนมาก จนนำมาสู่การตั้งฉายาชายคนก่อเหตุว่า ‘มือปืนป๊อปคอร์น’

     – ต่อมามีการสืบสวนสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ ภาพจากกล้องวงจรปิด และภาพจากสื่อมวลชนต่างๆ พบว่าตรงกับใบหน้าของนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ และพี่ชายของนายวิวัฒน์ให้การในการขึ้นเบิกความกับศาลว่าเป็นคนเดียวกัน รวมทั้งตัวจำเลยเองก็ได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน

 

18 มีนาคม 2557

     – ศาลอาญาออกหมายจับนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ ‘มือปืนป๊อปคอร์น’ ในข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

19 มีนาคม 2557

     – ตำรวจจับกุมตัว ‘มือปืนป๊อปคอร์น’ ได้ที่อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 

20 มีนาคม 2557

     – พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง ควบคุมตัว ‘มือปืนป๊อปคอร์น’ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายวิวัฒน์รับสารภาพว่าได้เข้าร่วมเป็นการ์ด กปปส. ใน ‘กลุ่มองค์ดำ’ จากการเชิญชวนของเพื่อน โดยได้รับค่าจ้างวันละ 300 บาท ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุได้มาจากการ์ด กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ ก่อนที่ในวันก่อเหตุจะได้รับสัญญาณวิทยุสื่อสารจากการ์ดให้ออกมาช่วยพระพุทธะอิสระที่เกรงว่าจะถูกยึดพื้นที่ จึงไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง โดยเขาได้ยิงปืนประมาณ 20 นัด

     – จากนั้นมีการนำตัวนายวิวัฒน์มาฝากขังที่ศาลอาญา เมื่อมาถึงบริเวณห้องขังใต้ถุนศาล มีกลุ่มมวลชนประดับสัญลักษณ์ธงชาติและนกหวีดปรบมือให้กำลังใจ ตะโกนว่า “ป๊อปคอร์นสู้ๆ”

     – ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. กล่าวว่าไม่รู้จักนายวิวัฒน์ แต่ที่ชื่นชม ‘มือปืนป๊อปคอร์น’ เพราะเห็นว่าออกมาปกป้องประชาชน อย่างไรก็ตามการที่มือปืนป๊อปคอร์นสารภาพ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกช็อตไฟฟ้าหรือไม่ ต้องไปดูตามร่างกายว่ามีร่องรอยอะไรหรือเปล่า เพราะไม่แน่ ตำรวจอาจจะบังคับให้ซัดทอดว่านายสุเทพเป็นคนสั่งการ

 

25 มีนาคม 2557

     – นางสาวพวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความนายวิวัฒน์ เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยมลูกความว่า นายวิวัฒน์ยังไม่ถึงกับยอมรับว่าเป็นมือปืนป๊อปคอร์นตัวจริงตามที่ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ที่ต้องให้การรับสารภาพ เพราะภายหลังจากที่ถูกจับกุมตัวที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีก็ถูกจับขึ้นรถตู้ ถูกทำร้ายร่างกาย และบังคับให้สารภาพ ขณะที่วันต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกมาปฏิเสธว่ามีการซ้อมให้รับสารภาพ แต่เป็นเพราะผู้ต้องหาจำนนต่อหลักฐานเอง จึงต้องรับสารภาพ จากนั้นนายวิวัฒน์ก็เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีของศาล

 

25 กันยายน 2557

     – นายอะแกว แซ่ลิ้ว หรือ ‘ลุงอะแกว’ อายุ 72 ปี เป็นพ่อค้าขายน้ำอัดลมรถเข็นบริเวณหน้าโรงเรียนเคหะทุ่งสองห้องวิทยา 2 เหยื่อกระสุนจากเหตุการณ์ได้เสียชีวิตลง หลังนอนเป็นอัมพาตมานาน 7 เดือน

 

3 มีนาคม 2559

     – ศาลอาญา รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวิวัฒน์ หรือมือปืนป๊อปคอร์น หลังศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วพิสูจน์ได้ว่าจำเลยเป็นบุคคลเดียวกับชายชุดดำ ถือปืนสวมถุงป๊อปคอร์นจริง และการยิงปืนบ่งชี้เจตนาฆ่าฝ่ายตรงข้าม โดยกระสุนปืนถูกผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บ และมี 1 คนเสียชีวิตในภายหลัง ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต แต่เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อคดี จึงได้ลดโทษเหลือจำคุก 37 ปี 4 เดือน

 

27 มิถุนายน 2560

     – ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้องนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ เหตุไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่าเป็นคนก่อเหตุยิงใส่ช่วงชุมนุมแยกหลักสี่ แต่ทั้งนี้ศาลให้ขังนายวิวัฒน์ไว้ระหว่างฎีกาก่อน  

     – เนื่องจากศาลตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุยิงใส่ผู้ชุมนุม และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบชายแต่งกายด้วยชุดดำ สวมหมวกไหมพรม จากนั้นนำภาพมาเปรียบเทียบกับจำเลย หลักฐานดังกล่าวจึงไม่อาจยืนยันได้ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดและตัวจำเลยนั้นเป็นบุคคลเดียวกัน ซึ่งมีเพียงภาพจากสื่อมวลชน โดยไม่มีพยานบุคคลมาเบิกความยืนยันและคำให้การของจำเลยที่ให้การรับสารภาพ แต่ยังมีข้อพิรุธเคลือบแคลงน่าสงสัย เนื่องจาก ‘ภาพอินเทอร์เน็ตนำ้หนักน้อย-ไม่มีปืนของกลาง’ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

 

     วันนี้คดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ขณะเดียวกัน ญาติผู้เสียชีวิตและบุตรสาวนายอะแกวยืนยันว่าจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด ขณะที่ทนายความของนายวิวัฒน์เปิดเผยว่าจะขอประกันตัวลูกความตนเองในสัปดาห์หน้า และนายวิวัฒน์มีความรู้สึกพูดไม่ออกหลังรับทราบคำพิพากษายกฟ้องในชั้นศาลอุทธรณ์

 

     จากนี้ต่อไปคงต้องรอดูขั้นตอนในชั้นฎีกาว่าจะแล้วเสร็จตามกรอบเวลาของกฎหมายเมื่อใด และคงจะได้ทราบผลคำพิพากษาที่ถือว่าเป็นที่สุดอีกครั้ง

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X