LINE Mobile เปิดให้ทดลองใช้บริการโทรศัพท์มือถือเวอร์ชัน Beta ตั้งเป้าเตรียมเปิดบริการเต็มรูปแบบภายในปีนี้ พร้อมชูจุดเด่นความสะดวกสบายในการใช้งาน
นอกจากนี้ LINE Mobile ยังใจป้ำให้ลูกค้าสามารถใช้บริการของ LINE ทั้ง LINE Chat Application – แชตสนทนาทั่วไป, ดาวน์โหลดหรืออัพโหลดรูปภาพ, voice call และ video call รวมถึงใช้งาน LINE TV ที่คุณภาพความคมชัดระดับสูงสุด โดยไม่เสียค่าบริการและเปลืองข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ต
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ‘LINE Mobile’ ได้เปิดให้บริการโทรศัพท์มือถือเวอร์ชันทดสอบระบบ (Beta) ให้ผู้ใช้งานบางส่วนได้ทดลองใช้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่การทดสอบระบบในครั้งที่ 2 นี้ได้เพิ่มฟีเจอร์การใช้ LINE TV โดยไม่เสียค่าบริการเพิ่มขึ้นมา
LINE Mobile บริการโทรศัพท์มือถือที่เกิดจาก pain point ของผู้ใช้บริการ
LINE Mobile คือบริการโทรศัพท์มือถือดิจิทัลบนเครือข่าย DTN (DTAC TriNet) เกิดจากความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง LINE ประเทศไทยและ Dtac ที่โดดเด่นด้วยรูปแบบบริการใช้งานที่ง่ายบนสัญญาณ 4G ที่ผู้ใช้สามารถควบคุมความเร็วของอินเทอร์เน็ต ค่าโทร เลือกซื้อแพ็กเกจเสริม หรือต่ออายุแพ็กเกจได้ตามความต้องการตลอดเวลาบนแอปพลิเคชัน ‘LINE Mobile’ ที่มีให้ดาวน์โหลดทั้งบนแพลตฟอร์ม iOS และ Android โดยที่ไม่มีสัญญาผูกมัดแต่อย่างใด
บริการของ LINE Mobile เกิดขึ้นจากการรวบรวมข้อมูล pain point ของผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันที่ต้องประสบกับปัญหาหลัก 4 ประการ ได้แก่
- การมีสัญญาผูกมัด
- การเสียเวลารอใช้บริการที่ศูนย์นาน
- ไม่สามารถควบคุมปริมาณการใช้บริการ
- ความรู้สึกไม่เป็นธรรมที่มีต่อแพ็กเกจและโปรโมชัน
ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงตั้งใจมอบบริการโทรศัพท์มือถือที่โดดเด่นด้วยคุณสมบัติ 4 ข้อดังนี้
- Transparency & Flexability โปร่งใสและยืดหยุ่น
ผู้ใช้สามารถเลือกแพ็กเกจได้ตามความต้องการ ไม่มีค่าบริการแอบแฝงเพิ่มเติม โดยที่ไม่มีสัญญาผูกมัด
- Convenience ความสะดวกสบาย
เปลี่ยนและยกเลิกแพ็กเกจได้ตลอดเวลาบนแอปพลิเคชัน LINE Mobile และยังสามารถเลือกควบคุมปริมาณการใช้งาน จำกัดวงเงินสูงสุด และเปลี่ยนมาใช้ความเร็วอินเทอร์เน็ต 4G ที่ 256 Kbps แบบอันลิมิตได้ เพื่อประหยัดข้อมูลอินเทอร์เน็ตตามแพ็กเกจที่ได้รับ
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์แสดงผลข้อมูลการการโทรทางไกลต่างแดน พร้อมค่าใช้จ่ายและรหัสโทรศัพท์ต่างประเทศแบบเสร็จสรรพ ทำให้ผู้ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น
- Leading Data Network ให้บริการอยู่บนเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือชั้นนำของประเทศ
ใช้สัญญาณบนโครงข่ายของ DTN ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ความเร็วสูงสุดแบบ 4G/3G ได้ตามความต้องการ
- Free LINE Service ใช้บริการแอปพลิเคชันของ LINE ฟรี
ใช้บริการของ LINE ทั้ง LINE Messenger และ LINE TV ที่คุณภาพความคมชัดระดับสูงสุดโดยไม่เปลืองการใช้งานข้อมูลอินเทอร์เน็ต
อยากทดลองใช้งานต้องเริ่มต้นอย่างไร
ณ ปัจจุบัน LINE Mobile ยังเปิดให้ใช้งานในเวอร์ชันทดลองระบบเท่านั้น โดยผู้ที่สนใจอยากทดสอบระบบ Beta ก็สามารถไปลงทะเบียนเพื่อรอการติดต่อกลับได้ที่ th.linemobile.com (ยังเป็นการสุ่มเลือกผู้ทดสอบระบบ) ซึ่งในวันที่ 1 สิงหาคมนี้จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปที่ได้รับเลือกเป็นผู้ทดสอบระบบสามารถทดลองใช้งานได้ แต่คาดว่าภายในปีนี้จะพร้อมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ข้อมูลที่จะต้องใช้ในการลงทะเบียนสมัครบริการเพื่อขอรับซิมการ์ด ประกอบไปด้วย บัตรประชาชน (ตรงกับชื่อที่ลงทะเบียนซื้อซิม) , รูปถ่ายเจ้าของบัตรถือบัตรประชาชน, ข้อมูลที่อยู่ในการจัดส่งซิมการ์ด ใบเสร็จรับเงิน และใบเสร็จค่าบริการ
เมื่อเข้าไปลงทะเบียนและสมัครซื้อซิมการ์ด ผู้ใช้จะสามารถเลือกเบอร์โทรศัพท์ตามที่ต้องการ ก่อนชำระเงินผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือ Rabbit LINE Pay เท่านั้น แต่ต่อไปจะขยับขยายช่องทางการชำระเงินที่เคาน์เตอร์บริการตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป และยังมีแพลนจะให้ผู้ใช้สามารถเลือกเบอร์สวย เบอร์มงคล ได้ในอนาคตอันใกล้นี้
เมื่อเลือกเบอร์ที่ต้องการเสร็จก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกแพ็กเกจบริการ ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 6 แพ็กเกจได้แก่
- XS – ค่าบริการเต็ม 299 บาท (ลดเหลือ 69 บาท) / โทรฟรี 100 นาที / อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด 1.5 GB เมื่อใช้ครบตามแพ็กเกจจะปรับความเร็วลงมาอยู่ที่ 256 Kbps (หรือสามารถปรับความเร็วการใช้งานที่ 256 Kbps ชั่วคราวได้เพื่อเซฟค่าเน็ต) / SMS (ฟรี) / LINE Messenger และ LINE TV ไม่เสียค่าเน็ต (ฟรี)
- S – ค่าบริการเต็ม 399 บาท (ลดเหลือ 99 บาท) / โทรฟรี 150 นาที / อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด 5 GB เมื่อใช้ครบตามแพ็กเกจจะปรับความเร็วลงมาอยู่ที่ 256 Kbps (หรือสามารถปรับความเร็วการใช้งานที่ 256 Kbps ชั่วคราวได้เพื่อเซฟค่าเน็ต / SMS (ฟรี) / LINE Messenger และ LINE TV ไม่เสียค่าเน็ต (ฟรี)
- M – ค่าบริการเต็ม 499 บาท (ลดเหลือ 119 บาท) / โทรฟรี 200 นาที / อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด 10 GB เมื่อใช้ครบตามแพ็กเกจจะปรับความเร็วลงมาอยู่ที่ 256 Kbps (หรือสามารถปรับความเร็วการใช้งานที่ 256 Kbps ชั่วคราวได้เพื่อเซฟค่าเน็ต / SMS (ฟรี) / LINE Messenger และ LINE TV ไม่เสียค่าเน็ต (ฟรี)
- L – ค่าบริการเต็ม 699 บาท (ลดเหลือ 169 บาท) / โทรฟรี 300 นาที / อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด 20 GB เมื่อใช้ครบตามแพ็กเกจจะปรับความเร็วลงมาอยู่ที่ 256 Kbps (หรือสามารถปรับความเร็วการใช้งานที่ 256 Kbps ชั่วคราวได้เพื่อเซฟค่าเน็ต / SMS (ฟรี) / LINE Messenger และ LINE TV ไม่เสียค่าเน็ต (ฟรี)
- XL – ค่าบริการเต็ม 899 บาท (ลดเหลือ 219 บาท) / โทรฟรี 400 นาที / อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด 30 GB เมื่อใช้ครบตามแพ็กเกจจะปรับความเร็วลงมาอยู่ที่ 256 Kbps (หรือสามารถปรับความเร็วการใช้งานที่ 256 Kbps ชั่วคราวได้เพื่อเซฟค่าเน็ต / SMS (ฟรี) / LINE Messenger และ LINE TV ไม่เสียค่าเน็ต (ฟรี)
- XXL – ค่าบริการเต็ม 1,099 บาท (ลดเหลือ 269 บาท) / โทรฟรี 600 นาที / อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด 40 GB เมื่อใช้ครบตามแพ็กเกจจะปรับความเร็วลงมาอยู่ที่ 256 Kbps (หรือสามารถปรับความเร็วการใช้งานที่ 256 Kbps ชั่วคราวได้เพื่อเซฟค่าเน็ต / SMS (ฟรี) / Line Messenger และ Line TV ไม่เสียค่าเน็ต (ฟรี)
ในกรณีที่ใช้งานค่าโทรเกินแพ็กเกจจะมีค่าบริการอยู่ที่ 0.99 บาท/นาที (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และสามารถเลือกซื้อแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วเสริมที่ 1 GB ในราคา 24 บาท (จากราคาปกติ 120 บาท) โดยในช่วงเวลานี้ LINE Mobile จะให้ส่วนลดค่าบริการกับผู้ใช้งานในระบบ BETA ที่ 75% จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2560 นี้ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
เมื่อเลือกเบอร์โทร-แพ็กเกจบริการ และชำระค่าบริการเป็นที่เรียบร้อย ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการจัดส่งซิมการ์ด ซึ่งใช้ระยะเวลาในการจัดส่งอยู่ที่ 3-5 วันทั่วประเทศ ขึ้นอยู่กับระยะทาง โดยการจัดส่งซิมการ์ดก็จะรวมขั้นตอนการ verify เพื่อยืนยันตัวตนอีกครั้ง ป้องกันกรณีการสวมสิทธิบัตรประชาชนไม่ตรงกับตัวผู้ซื้อ
ต่างจากบริการโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการเจ้าอื่นๆ อย่างไร
จุดเด่นของ LINE Mobile ที่ต่างจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเจ้าอื่นๆ คือความสะดวกสบายในการใช้งาน ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้ตามพฤติกรรมและความต้องการได้อย่างอิสระบนแอปพลิเคชัน LINE Mobile
นอกจากนี้ยังชูจุดเด่นเรื่องฟีเจอร์การโทรทางไกลในแต่ละประเทศ รวมถึงการโรมมิ่งในต่างประเทศ ซึ่งจะแสดงผลข้อมูลและค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด และยังสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านการแชตกับผู้ให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงช่องทางคอลเซ็นเตอร์ 0 2202 8585 ที่ใช้เวลารอสายไม่เกิน 3 นาทีตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น. ทุกวัน
และหลังจากที่เราได้ลองใช้งานตัวแอปพลิเคชันก็พบว่า อินเทอร์เฟซและรูปแบบการใช้งานบนตัวแอปฯ ค่อนข้างลื่นไหลและใช้งานได้สะดวกไม่น้อย ส่วนในด้านการใช้งานโทรศัพท์ทั่วไป เช่น การโทรเข้า-ออก และการใช้งานอินเทอร์เน็ต ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ (จากการได้ทดลองใช้เป็นระยะเวลา 1 วัน)
แต่ก็ยังคงพบข้อบกพร่องในด้านความเร็วอินเทอร์เน็ตอยู่เช่นกัน เพราะเมื่อทดสอบความเร็วด้วยแอปพลิเคชัน Speedtest ในสถานที่จัดงานเวิร์กช็อป (อโศก) เมื่อเวลา 14.48 น. ได้ผลลัพธ์อยู่ที่ – Ping 15 ms / Download 67.87 Mbps / Upload 33.68 Mbps แต่เมื่อทดสอบความเร็วของสัญญาณอินเทอร์เน็ตอีกครั้งจากพื้นที่บริเวณอาร์ซีเอ ซอยศูนย์วิจัย เมื่อเวลา 20.30 น. กลับได้ผลลัพธ์ความเร็วที่ตกลงมาพอสมควรดังนี้ – Ping 19 ms / Download 4.21 Mbps / Upload 6.87 Mbps
อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามกันต่อไปในระยะยาวว่าหาก LINE Mobile เริ่มเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้ พวกเขาจะทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน เช่นเดียวกับผู้ให้บริการเจ้าอื่นๆ ที่คงจะต้องปรับกลยุทธ์ในการเดินเกมกันพอสมควรเลยทีเดียว
ซึ่งผู้ที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการแข่งขันที่ดุเดือดเช่นนี้ของตลาดผู้ให้บริการสัญญาณมือถือก็หนีไม่พ้นผู้บริโภคอย่างเรานั่นเอง