ไทเกอร์ วูดส์ คือหนึ่งในนักกีฬาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก และเป็นคนสร้างปรากฏการณ์ต่างๆ ให้คนทั้งโลกได้ตื่นเต้นในวันที่เขาลงสนามแข่งขันกอล์ฟ แต่ทุกพาดหัวข่าวในวันนี้ ชื่อของไทเกอร์กลับผูกติดกับคำว่า ‘มรสุมชีวิต – ผู้ต้องหา – ชีวิตพัง’
หลังโดนข้อหา ‘DUI’ หรือการขับขี่ยานพาหนะภายใต้ฤทธ์ิสุราหรือสารเสพติด และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวที่เมืองปาล์ม บีช เคาน์ตี รัฐฟลอริดา และส่งตัวไปยังเรือนจำที่สำนักงานกองปราบเพื่อลงบันทึกประจำวันเป็นเวลา 7 ชั่วโมง ก่อนได้รับการประกันตัวด้วยทรัพย์สินของตนเอง เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ผมทำผิด และมันเป็นอะไรที่โง่เขลา
ไทเกอร์ยืนยันว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เขามีสภาพมึนงงในที่เกิดเหตุและหลับหลังพวงมาลัยเกิดจากการใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ ไม่ใช่เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งผลการเป่าวัดระดับของตำรวจก็ออกมาตรงกับคำให้การของเขา
ส่งผลให้เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ไทเกอร์ได้ขอความช่วยเหลือและคำแนะนำจากมืออาชีพในการดูแลเรื่องยารักษาอาการปวดหลังและปัญหาการนอนไม่เป็นเวลา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาต้องการความช่วยเหลือเพื่อกลับสู่การแข่งขันให้ได้อีกครั้งในวัย 41 ปี
ทำไมไทเกอร์ วูดส์ ถึงตกต่ำ
ไทเกอร์ วูดส์ ถือเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ใหญ่ของวงการกีฬาโลก โดยสื่อกอล์ฟหลายสำนักให้การยอมรับว่าเขาเป็นคนจุดประกายชื่อเสียงให้กับวงการกอล์ฟ เนื่องจากผู้คนทั่วไปที่ไม่ใช่แฟนกีฬาชนิดนี้ต่างก็รู้จักไทเกอร์เป็นอย่างดี
ไทเกอร์ วูดส์ คว้าแชมป์เดอะ มาสเตอร์ ในปี 1997
Photo: TIMOTHY A. CLARY / AFP
ไทเกอร์เป็นลูกครึ่งไทย-สหรัฐฯ เริ่มเล่นกอล์ฟตั้งแต่อายุ 2 ขวบ และสามารถก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์เดอะ มาสเตอร์ ที่สนามออกัสตา รัฐจอร์เจีย ด้วยวัยเพียง 21 ปี ก่อนที่จะก้าวขึ้นมือหนึ่งของโลกในปี 1997 หลังจากเทิร์นโปรยังไม่ถึงปี
ตั้งแต่เทิร์นโปรจนถึงปี 2013 ไทเกอร์คว้าแชมป์เมเจอร์ไปทั้งหมด 14 รายการ ทำสถิติไล่ ‘แจ็ค นิคลอส’ ราชานักกอล์ฟที่คว้าแชมป์เมเจอร์มากที่สุดถึง 18 ครั้ง
ขณะที่ชีวิตส่วนตัว เขาแต่งงานกับเอลิน นอร์เดเกรน ภรรยาสาวชาวสวีดิชเมื่อปี 2004 โดยมีลูกด้วยกัน 2 คนคือ ลูกสาว ‘แซม’ และลูกชาย ‘ชาร์ลี’
แต่จุดเปลี่ยนของเขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2009 เมื่อไทเกอร์ขับรถพุ่งชนหัวฉีดดับเพลิงและต้นไม้ของเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ในชุมชนวินเดอร์เมียร์ เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น 2 วันหลังจากที่มีรายงานข่าวเรื่องชู้สาวของเขา
หลังจากเหตุการณ์นั้นไทเกอร์ก็เข้าสู่ช่วงขาลง โดยในเดือนธันวาคม ปี 2009 ถึงเมษายน ปี 2010 เขาไม่ได้ลงแข่งขันกอล์ฟ และบริษัท AT&T Gatorade และ GM หรือเจเนอรัล มอเตอร์ส ก็หยุดให้การสนับสนุนกับไทเกอร์
ในช่วงปลายปี 2010 เขาก็ได้ออกมาสารภาพว่า เขายอมรับกับข้อกล่าวหาชู้สาวที่เกิดขึ้น โดยให้เหตุผลว่า
“ผมคิดว่าผมสามารถทำอะไรก็ได้ ผมรู้สึกว่าตัวเองทำงานหนักมาตลอดชีวิต และสมควรได้รับความสุขจากสิ่งยั่วยวนใจรอบตัว ผมคิดว่าผมมีสิทธิ และต้องขอบคุณชื่อเสียงเงินทองที่ทำให้ผมได้สิ่งเหล่านั้นมาอย่างง่ายดาย
“ผมทำผิด และมันเป็นอะไรที่โง่เขลา”
สุดท้ายไทเกอร์และเอลินก็หย่ากันในปีนั้น
ซึ่งนี่เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ไทเกอร์มีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ตลอดมา แต่เขาสามารถกลับมาได้อีกครั้งในปี 2013 หลังจากคว้าแชมป์รายการ Arnold Palmer Invitational ในปีนั้น เขาก็กลับขึ้นสู่มือหนึ่งของโลกอีกครั้ง
แต่ความสำเร็จครั้งนั้นกลับเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบอย่างแท้จริง เมื่อไทเกอร์ ซึ่งตลอดมาใช้ร่างกายในการลงเล่นกอล์ฟอย่างหนัก โดยเขาใส่พลังอย่างเต็มที่ในทุกวงสวิงด้วยความมุ่งมั่นที่จะเก็บทุกความสำเร็จที่เปิดโอกาสให้กับเขา แต่ในความมุ่งมั่นนั้น เขาได้ทำร้ายร่างกายของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
ไทเกอร์กำลังก้าวข้ามจุดพอดี เขาเริ่มมีกล้ามเนื้อเยอะขึ้น ซึ่งเมื่อตอนที่เขาผอม เขามีความเร็วมากกว่านี้
ไทเกอร์ วูดส์ กับโค้ชแฮงค์ เฮนีย์ ในระหว่างการแข่งขันเดอะ มาสเตอร์ เมื่อปี 2009
Photo: TIMOTHY A. CLARY / AFP
อาการบาดเจ็บและวงสวิงที่ไม่เหมือนเดิม
ในปี 2014 แฮงค์ เฮนีย์ อดีตโค้ชของไทเกอร์ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ SB Nation เปิดเผยว่า ไทเกอร์มีวงสวิงที่ไม่เป็นธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ
“ในมุมมองของผม ไทเกอร์กำลังทุ่มเทมากเกินไป เขาเข้ายิมมากขึ้น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการพัฒนากล้ามเนื้อและป้องกันอาการบาดเจ็บ แต่ไทเกอร์กำลังก้าวข้ามจุดพอดี เขาเริ่มมีกล้ามเนื้อเยอะขึ้น ซึ่งเมื่อตอนที่เขาผอม เขามีความเร็วมากกว่านี้”
ขณะที่แบรนเดล แชมบลี นักวิเคราะห์ของ Golf Channel เผยว่า ไทเกอร์ทำลายเกมที่ยิ่งใหญ่ของเขาเอง
“ไทเกอร์แลกเปลี่ยนความอัจฉริยะของเขากับผู้อื่น เขาเปลี่ยนร่างกายให้ใหญ่ขึ้นจากการเข้ายิม ทุกอย่างที่เราเห็นในวันนี้คือสิ่งที่ไทเกอร์ทำกับตัวเองทั้งนั้น
“ไทเกอร์เชื่อมั่นในคนอื่นและยอมทิ้งฟอร์มการเล่นที่เยี่ยมของเขา เพราะอะไรผมก็ไม่ทราบ ไทเกอร์ต้องการที่จะสร้างกอล์ฟที่ดีที่สุด แต่สุดท้ายเขากลับทำลายมันลงระหว่างที่เขากำลังพยายามสร้างมันขึ้นมา”
ขณะที่สภาพจิตใจของไทเกอร์ไม่เหมือนเดิมตั้งแต่ปี 2009 ส่วนสภาพร่างกายในวัย 41 ปี ก็เห็นได้ชัดว่ามีอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดมา เนื่องจากไทเกอร์ใส่ความมุ่งมั่นในทุกวงสวิงที่เขาหวด ซึ่งแน่นอนว่าร่างกายของเขาก็ย่อมเสื่อมลงตามกาลเวลา
สถิติอาการบาดเจ็บของไทเกอร์ วูดส์ ตลอดอาชีพกอล์ฟของเขา (ข้อมูลจาก CNN)
ชีวิตของไทเกอร์ วูดส์ คือบทเรียนที่สอนเราว่า ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จ มีเงินทองและชื่อเสียงมากแค่ไหน ไม่ได้แปลว่าคุณจะสามารถทำอะไรก็ได้ และความมุ่งมั่น (ที่เกินพอดี) เพื่อสร้างทุกอย่างให้ออกมาเพอร์เฟกต์ทุกครั้งอาจไม่ให้ผลดีในระยะยาวเสมอไป
ขณะที่เออร์นี เอลส์ นักกอล์ฟชาวแอฟริกาใต้ วัย 47 ปีนั้นเหมือนเป็นขั้วตรงข้ามของไทเกอร์ เพราะเขาสามารถยืนระยะได้ดีควบคู่ไปกับความสำเร็จ และมีวงสวิงที่ผ่อนคลายจนได้ฉายาว่า ‘The Big Easy’ ที่พาเขาคว้าแชมป์เมเจอร์ไปถึง 4 รายการ และยังสามารถเล่นในระดับสูงได้ด้วยวัย 47 ปี
แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่สามารถสร้างชื่อเสียงได้เท่ากับไทเกอร์ วูดส์อย่างแน่นอน เพราะความสำเร็จจำเป็นต้องมีการเสียสละอะไรบางอย่าง แต่ไทเกอร์ได้ทิ้งมันไปหมดในปี 2009
ภาพประกอบ: Karin Foxx
อ้างอิง:
– www.golf.com/tour-and-news/what-happened-tiger-woods-it-remains-most-vexing-question-sports
– news.sky.com/story/tiger-woods-downfall-of-a-golfing-great-10900428
– edition.cnn.com/2017/06/20/golf/tiger-woods-professional-help/index.html
