คิงส์คัพเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1968 หรือเมื่อ 49 ปีก่อน มีจุดเริ่มต้นจากฟุตบอลทีมชาติไทยได้รับสิทธิ์เข้าแข่งขันโอลิมปิกเมื่อปี 1968 ที่ประเทศเม็กซิโก ช่วยปลุกกระแสฟุตบอลในประเทศไทย จนทำให้ พลตำรวจโทต่อศักดิ์ ยมนาค นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในเวลานั้น มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ดำเนินการจัดแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติขึ้นเป็นครั้งแรก
ปี 2017 นี้ คิงส์คัพก็เดินทางมาถึงการแข่งขันครั้งที่ 45 โดยมีชาติ เบลารุส, บูร์กินาฟาโซ และเกาหลีเหนือ ซึ่งจะเตะกันในวันที่ 14 และ 16 กรกฎาคมนี้ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า คิงส์คัพคือรายการฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานที่เก่าแก่ที่สุดในทวีป หลังจากที่ฟุตบอลเมอร์เดกา คัพ ของมาเลเซีย และฟุตบอลฉลองเอกราชเวียดนาม ยกเลิกการแข่งขันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ในระหว่างการเดินทางมาทั้งหมด 49 ปีของถ้วยพระราชทานรายการนี้ ไทยได้มีโอกาสพบกับทีมชาติต่างๆ ที่ตอบรับคำเชิญมาเข้าร่วมการแข่งขัน โดยหนึ่งในทีมที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ ทีมชาติบราซิล ในการแข่งขัน คิงส์คัพ เมื่อปี 1999 โดยครั้งนั้นทีมชาติไทยต้องลงสนามเกมแรกพบกับ ริวัลโด, เอเมอร์สัน, โรแบร์โต คาลอส, คาฟู และ โรนัลดินโญซึ่งเป็นนักเตะเยาวชนอยู่ในขณะนั้น
ถึงแม้ว่าผลการแข่งขันไทยจะโดนบราซิลถล่มไปถึง 7-0 แต่บรรยากาศของนักฟุตบอลระดับโลกที่เดินทางมาแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญของประเทศไทย ก็ช่วยสร้างทั้งความตื่นเต้น และชื่อเสียงให้กับฟุตบอลรายการนี้เป็นอย่างมาก
ไมเคิล เชิช นักข่าวกีฬาอิสระ ซึ่งติดตามรายงานข่าวฟุตบอลในทวีปเอเชียมายาวนานกว่า 20 ปี เดินทางไปฟุตบอลโลกมา 5 ครั้ง และเดินทางมาทำข่าวการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพเป็นครั้งที่ 2 ได้ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ว่า การแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพถือว่าเป็นหนึ่งในรายการที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากเป็นรายการที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีถ้วยพระราชทานเป็นรางวัล รวมถึงเป็นการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้นักเตะใหม่ได้ลงแข่งขันในนามทีมชาติ และโค้ชมีโอกาสได้ทดลองทีมกับทีมอื่นที่มีอันดับโลกสูงกว่า แต่จากประสบการณ์ของเขาที่มาครั้งแรกเมื่อปี 1997 กับครั้งนี้มีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยเฉพาะทีมที่มาเข้าร่วมแข่งขัน
ฟุตบอลคิงส์คัพในปี 1997 ประกอบไปด้วยทีมสำรองของสวีเดน และ ทีมรวมดาวของเจลีก ลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสร้างบรรยากาศที่คึกคักให้กับการแข่งขันได้เป็นอย่างมาก แตกต่างจากปีนี้ ทีมที่เดินทางมาอาจจะไม่มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับยุคก่อน
สาเหตุหลัก ไมเคิลเชื่อว่า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงระบบตารางการแข่งขันในแต่ละปีของฟีฟ่า ส่งผลให้บางทีมไม่สามารถเดินทางมาร่วมแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพได้ รวมถึงทีมชั้นนำของโลกในบางครั้งจำเป็นต้องมีการจ่ายค่า Appearance Fee หรือค่าตัว ซึ่งเขาเผยว่าทีมชุดใหญ่ของบราซิลหรืออังกฤษ อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาน 67 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าเม็ดเงินมหาศาลเหล่านี้ควรนำไปลงทุนในระบบพัฒนาเยาวชนเพื่อหา ชนาธิป สรงกระสินธ์ คนใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทยจะเกิดประโยชน์มากกว่า ส่วนตารางการแข่งขันทางฝ่ายผู้จัดอาจจำเป็นต้องปรับช่วงเวลาให้เหมาะสมกับตารางของฟีฟ่า เพื่อเพิ่มโอกาสในการเชิญชวนทีมที่แฟนบอลหรือสมาคมกีฬาฟุตบอลต้องการมาแข่งขัน
ขณะที่ ยอน อันเดอร์สัน เฮดโค้ชทีมชาติเกาหลีเหนือ ทีมชาติที่เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพมาถึง 10 ครั้ง ก็ยอมรับว่า มีความสุขที่ได้มาเยือนเมืองไทยอีกครั้ง แม้ว่าทีมที่พวกเขานำพามาครั้งนี้จะไม่ใช่นักเตะที่ดีที่สุด แต่ก็สัญญาว่าจะทำอย่างเต็มที่เพราะเป็นการแข่งขันรายการคิงส์คัพ
นอกจากนี้ยังได้เผยอีกว่า ที่ผ่านมา เขาได้ติดตามการแข่งขันของฟุตบอลทีมชาติไทยนัดล่าสุดกับยูเออี ซี่งเขายอมรับว่ามีความแข็งแกร่งภายใต้การคุมทีมของ มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนมากประสบการณ์ และยังได้ยืนยันว่าแฟนบอลเกาหลีเหนือ รู้จักถ้วยพระราชทานคิงส์คัพเป็นอย่างดี และจะคอยติดตามผลการแข่งขันอย่างใกล้ชิด เพราะพวกเขาเคยลงแข่งขันรายการนี้มาแล้ว 10 ครั้ง และคว้าแชมป์รายการนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง
ส่วนทางด้าน มิโลวาน ราเยวัช ก็หวังว่าการแข่งขันรายการนี้จะพบกับความท้าทายและการแข่งขันที่สูสี รวมถึงหวังให้ทีมสร้างประวัติศาสตร์และความทรงจำที่ดี โดยตั้งเป้าล้มเกาหลีเหนือให้ได้ในการแข่งขันเกมแรกในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้
การเดินทางมาถึงครั้งที่ 45 ของคิงส์คัพในปีนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีทีมอย่าง บราซิล เยอรมัน หรือญี่ปุ่นมาเขาร่วมแข่งขัน แต่ทีมชาติอย่าง เบลารุส (71) บูร์กินาฟาโซ (44) หรือเกาหลีเหนือ (113) ต่างก็มีอันดับโลกที่สูงกว่าไทย (131) ทั้งหมด รวมถึงสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ก็ส่งหนังสือรับรองการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 45 เป็นเกม ‘เอ-แมตช์’ มีผลต่อการคิดคะแนนอันดับโลก หรือฟีฟ่า แรงก์กิ้ง แม้จะไม่ใช่ช่วงเวลาฟีฟ่าเดย์ก็ตาม
ซึ่งนอกจากประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของการแข่งขันรายการนี้แล้ว ครั้งนี้ มิโลวาน ราเยวัช ยังจะได้ใช้งานนักเตะแบบเต็มสูบ โดยนักเตะอย่าง ธีราทร บุญมาทัน หรือฟิลิป โรลเลอร์ แบ็กจอมบู้จากราชบุรี มิตรผล เอฟซี ทำให้เรามีโอกาสได้เห็นภาพชัดขึ้นว่า ราเยวัชจะสามารถปรับทัพได้น่าสนใจขนาดไหนจากเวลาเตรียมพร้อมที่มากขึ้นกว่าครั้งที่แล้วกับฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียที่เสมอกับยูเออีไป 1-1
แต่ประวัติศาสตร์หรือสถิติทั้งหมดนั้นจะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีเสียงเชียร์ที่กึกก้องเต็มสนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งจะเป็นสถานที่จัดการแข่งขันคิงส์คัพรอบแรกในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ โดยเวลา 16.30 น. เบลารุส จะลงสนามพบกับ บูร์กินาฟาโซ และในเวลา 19.30 น. ทีมชาติไทยจะลงสนามพบกับ เกาหลีเหนือ
แฟนกีฬาก็อย่าลืมติดตามให้กำลังใจช้างศึกไทยกับการป้องกันแชมป์คิงส์คัพกันด้วยนะครับ