กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ จัดงานแถลงข่าวตั้งเป้าหมายส่งเสริมสังคมไทยอย่างยั่งยืน เปิดตัวโครงการ KING POWER THAI POWER พลังคนไทย ส่งเสริมและพัฒนาพลังของคนไทยในทุกมิติ โดยเริ่มต้นจากวงการกีฬาฟุตบอล
วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของกลุ่มกิจการคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ และอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เผยว่า แผนพัฒนานักฟุตบอลไทยแบ่งออกเป็น 3 ขั้น โดยมี ‘โอ เอช ลูเวิน’ สโมสรฟุตบอลในลีกรองของประเทศเบลเยียมที่เพิ่งเทกโอเวอร์ เป็นกุญแจดอกสำคัญ
นักเตะไทยที่ผ่านมาอาจจะมีเป้าหมายเพียงแค่ในระดับเอเชีย แต่วันนี้ผมว่าเรามองในยุโรปได้แล้ว
บันได 3 ขั้นของแผนพัฒนาฟุตบอลไทย
1. สร้างสนามฟุตบอลทั่วประเทศ
สร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมมาตรฐานสากล 7 คน ภายในโรงเรียนทั่วประเทศไทย ภายในปี 2565 และมอบลูกบอลให้กับเยาวชนไทยทั้งหมด 1 ล้านลูกเพื่อเป็นการเริ่มต้นสร้างแรงบันดาลใจในการเปิดพื้นที่ให้เด็กได้ลงแข่งขันฟุตบอลทั่วประเทศ
2. ส่งเยาวชนไปเก็บตัวกับสโมสรอาชีพ
นำโครงการ Fox Hunt ซึ่งปัจจุบันดำเนินการมาถึงครั้งที่ 2 เพื่อใช้ในการคัดเลือกเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี จำนวน 16 คนจากทั่วประเทศ ส่งไปเก็บตัวฝึกซ้อมเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ก่อนที่จะได้รับโอกาสเซ็นสัญญากับสโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศและต่างประเทศเพื่อให้เยาวชนในโครงการ นำประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบนักฟุตบอลอาชีพ และการฝึกซ้อมแบบมืออาชีพในยุโรปมาช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทยต่อไป นอกจากนี้ยังได้จัดการแข่งขัน King Power Cup ให้แข่งขันในระดับโรงเรียนในรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี โดยมีเงินรางวัล 1 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมามีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 96 ทีมจากทั่วประเทศไทย เพื่อเป็นการเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้ลงแข่งขันฟุตบอล
3. เปิดโอกาสเยาวชนไปเล่นลีกยุโรปผ่านสโมสร โอ เอช ลูเวิน
จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายของโครงการนี้ คือการเข้าเทกโอเวอร์ โอ เอช ลูเวิน สโมสรฟุตบอลในลีกรองของประเทศเบลเยียม อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์มองว่าประเทศเบลเยียมสามารถขอใบอนุญาตทำงานได้ง่ายกว่าประเทศอังกฤษ รวมถึงระดับของการแข่งขันมีช่องว่างน้อยกว่าพรีเมียร์ลีกอังกฤษกับไทยลีก ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชน และ นักฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยได้เริ่มต้นไปค้าแข้งในทวีปยุโรปอีกด้วย
“นักเตะไทยที่ผ่านมาอาจจะมีเป้าหมายเพียงแค่ในระดับเอเชีย แต่วันนี้ผมว่าเรามองในยุโรปได้แล้ว” อัยยวัฒน์ได้กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเป้าหมายในการเทกโอเวอร์สโมสร โอ เอช ลูเวิน
นายกสมาคมฯ มองแผนคิง เพาเวอร์สอดคล้องกับทิศทางของสมาคมฯ
แผนการครั้งนี้ฝั่ง พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มองว่า การพัฒนาฟุตบอลไทยทางสมาคมกีฬาฟุตบอลจำเป็นต้องมีการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่เอกชนถึงรัฐบาล ซึ่งโครงการนี้ของคิง เพาเวอร์ เป็นการช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลในประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งสอดคล้องกับแผนการพัฒนาของสมาคมกีฬาฟุตบอลไทย รวมถึงการเข้าไปเทกโอเวอร์สโมสรฟุตบอลในเบลเยียมถือเป็นการช่วยให้นักเตะไทยก้าวเข้าสู่เวทียุโรปได้ เนื่องจากนักฟุตบอลที่ค้าแข้งอยู่ในเบลเยียมเป็นเวลา 2 ปีก็สามารถได้ใบอนุญาตการทำงานในยุโรป และสามารถเดินทางไปค้าแข้งทั่วทวีปยุโรปในทันที
โดยช่วงท้ายของงานแถลงข่าวในวันนี้ (3 กรกฎาคม) คิง เพาเวอร์ยังได้นำเยาวชนโครงการ Fox Hunt รุ่นแรกที่เพิ่งเดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา มาเปิดตัวกับสโมสรฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการในวัย 18 ปี เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าโครงการนี้สามารถสานฝันเยาวชนไปสู่นักฟุตบอลอาชีพได้อย่างแท้จริง
การเปิดตัวครั้งนี้นักฟุตบอลของ Fox Hunt ทั้ง 8 คนได้เซ็นสัญญากับ โปลิศ เทโร เอฟซี อีก 3 คนไปร่วมกับ พัทยา ยูไนเต็ด และบางกอกกล๊าสอีก 1 คน
4 คนสุดท้าย ประกอบไปด้วย อนนต์ สมากร, ธาวิน มหจินดาวงษ์, จิรัฐติกาล วาพิลัย และ สมประสงค์ พรมศร ที่ได้รับการเซ็นสัญญาไปร่วมกับสโมสร โอ เอช ลูเวิน ในลีกรองเบลเยียม ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทยที่กำลังจะมีนักเตะ 4 คนเดินทางไปแข่งขันฟุตบอลอาชีพในยุโรปอย่างเป็นทางการ