เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (12 มีนาคม) ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมส่งแพ็กเกจความช่วยเหลือทางทหารชุดใหม่มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่ยูเครน ซึ่งรวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เช่น ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน กระสุนปืนใหญ่ และกระสุนสำหรับระบบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องอัตตาจรสูง หรือ HIMARS (High Mobility Artillery Rocket System)
การประกาศส่งแพ็กเกจอาวุธดังกล่าวแก่ยูเครนมีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน หลังความพยายามในการเสนอของบประมาณผ่านสภาคองเกรสถูกขัดขวางจากพรรครีพับลิกัน
โดยซัลลิแวนเผยว่า งบประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นมาจากการเจรจาลดค่าใช้จ่ายในสัญญาบางอย่างของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เช่น การเจรจาซื้อกระสุนปืนในราคาที่ถูกลง
อย่างไรก็ตามเขาชี้ว่า แพ็กเกจช่วยเหลือล่าสุดนี้ไม่เพียงพอต่อการช่วยให้ยูเครนพลิกสถานการณ์รบในแนวหน้า และอาจช่วยยูเครนได้ในระยะเวลาสั้นๆ ราว 2-3 สัปดาห์เท่านั้น
ขณะที่ซัลลิแวนชี้ถึงความจำเป็นในการจัดส่งอาวุธให้ยูเครน เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ ซึ่งกองทัพรัสเซียพยายามรุกคืบ ในขณะที่กองทัพยูเครนไม่มีอาวุธมากพอที่จะตอบโต้กลับ ซึ่งส่งผลต่อการสูญเสียทั้งดินแดนและชีวิตของทหารและพลเรือน อีกทั้งยังสร้างความเสียหายให้กับสหรัฐฯ และพันธมิตร NATO ในเชิงกลยุทธ์
รัสเซียไม่หยุดแค่ยูเครน
ทางด้าน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แสดงความเห็นคล้ายๆ กัน โดยกล่าวว่าแพ็กเกจช่วยเหลือดังกล่าวนั้น ‘ไม่เพียงพอ’ และสภาคองเกรสจำเป็นต้องอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือเพิ่มเติม
โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลไบเดนได้เสนอขอแพ็กเกจงบประมาณช่วยเหลือยูเครนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งผ่านการรับรองจากวุฒิสภา แต่ถูกขวางโดยสภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก
ขณะที่ไบเดนเตือนว่า “เราต้องดำเนินการก่อนที่มันจะสายเกินไป เพราะอย่างที่โปแลนด์นั้นจำได้ คือรัสเซียจะไม่หยุดอยู่แค่ยูเครน ซึ่งในความเห็นของผมมองว่า ปูตินจะเดินหน้าต่อ และจะทำให้ยุโรป สหรัฐอเมริกา และโลกเสรีทั้งโลก ตกอยู่ในความเสี่ยง” ไบเดนกล่าว ภายหลังการหารือกับนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีโปแลนด์ที่ไปเยือนทำเนียบขาว
ภาพ: Serhii Mykhalchuk / Global Images Ukraine via Getty Images
อ้างอิง: