จับตาเส้นตายวันที่ 29 มีนาคมนี้ ส่งงบการเงินปี 2566 ITD อีกจุดชี้ชะตา หากส่งไม่ทันจะผิดข้อกำหนดสิทธิหุ้น เสี่ยงกระทบทำยกเลิกยืดหนี้หุ้นกู้ 5 รุ่น มูลค่า 1.45 หมื่นล้านบาท เกิด Technical Default ลามต่อหนี้ทั้งก้อนกว่า 1 แสนล้าน Cross Default ตามไปด้วย
แหล่งข่าววาณิชธนกิจ เปิดเผยกับ THE STANDAD WEALTH ว่า สถานการณ์ปัญหาการขาดสภาพคล่องของ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ หรือ ITD ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของไทย ยังมีความเสี่ยงที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในประเด็นที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ITD แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอเลื่อนส่งงบการเงินสิ้นปี 2566 ล่าช้ากว่ากฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และคาดว่าจะสามารถนำส่งงบการเงินดังกล่าวภายในวันที่ 29 มีนาคม 2567 ที่มีความเสี่ยงจะมีผลกระทบตามมา
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า หาก ITD ส่งงบการเงินปี 2566 ที่ขอเลื่อนมาเป็นภายในวันที่ 29 มีนาคมนี้ ไม่ทันกำหนดดังกล่าวจะเป็นการทำผิดข้อกำหนดสิทธิของผู้ออกหุ้น เนื่องจาก ITD อยู่ในฐานะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไม่สามารถปฏิบัติตามเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อหุ้นจำนวนทั้ง 5 ชุดของ ITD วงเงินรวม 1.45 หมื่นล้านบาท ที่ผู้ถือหุ้นกู้เคยอนุมัติให้ขยายระยะเวลายืดการชำระหนี้ไปอีก 2 ปี แลกกับการยอมจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม 0.25-0.50% ต่อปี ไปก่อนหน้านี้มีความเสี่ยงถูกเรียกให้กลับมาจ่ายหนี้ตามกำหนดเดิมจนเกิดเป็นการ Technical Default หุ้นจำนวนทั้งหมดดังกล่าว และยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามว่าจะลุกลามต่อเนื่องไปยังหนี้ทั้งหมดของ ITD จำนวนมากกว่า 1 แสนล้านบาท เกิดเป็น Cross Default ตามไปด้วย
“จุดชี้ชะตาสำคัญหนึ่งของ ITD หากส่งงบการเงินปี 2566 ไม่ตามกำหนดภายในวันที่ 29 มีนาคมนี้ มีความจำเป็นที่ ITD จะต้องเรียกนัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ทั้ง 5 ชุดอีกครั้ง เพื่อขอเสียงโหวตให้การส่งงบการเงินไม่ทัน ไม่ว่าผิดข้อกำหนดสิทธิของผู้ออกหุ้นกู้เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิด Technical Default ของหุ้นกู้ทั้งหมด”
‘ทริสเรทติ้ง’ มอง ITD ได้เงินกู้ช้ามีผลกระทบเป็นลูกโซ่
ด้านนักวิเคราะห์ทริสเรทติ้ง กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า กรณีการส่งงบการเงินที่ล่าช้าของ ITD อยู่ในเงื่อนไขข้อกำหนดสิทธิของการออกหุ้นกู้ ซึ่ง Worst Case เจ้าหนี้หุ้นกู้อาจถือว่าบริษัทไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดสิทธิถือเป็นเหตุผิดนัดได้ แต่หากผู้ถือหุ้นกู้ยกเว้นให้ได้ก็ไม่น่ามีปัญหา
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันธนาคารน่าจะให้ความช่วยเหลือเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับงานก่อสร้างโครงการที่ทำอยู่และสามารถเบิกงวดงานได้ ปัจจุบันบริษัทรายรับน้อยกว่ารายจ่าย มีการขอสินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อบริหารกิจการอยู่ระหว่างการเจรจา หากได้เงินกู้ล่าช้าก็อาจกระทบการจ่ายเงินผู้รับเหมา งานล่าช้า ก่อสร้างชะงัก ส่งงานไม่ได้ตามกำหนด เบิกเงินไม่ได้ ผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อไปหมด
ก่อนหน้านี้ทริสเรทติ้งออกแถลงการณ์ประกาศลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ หรือ ITD เป็นระดับ ‘BB-’ และ ‘B+’ จากเดิมที่ระดับ ‘BB+’ และ ‘BB’ ตามลำดับ พร้อมคงเครดิตพินิจแนวโน้ม ‘Negative’ หรือ ‘ลบ’ อันดับเครดิตที่ลดลงสะท้อนถึงความกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับสภาพคล่องของ ITD จากการที่บริษัทจ่ายเงินให้แก่ผู้รับเหมาช่วงล่าช้าในโครงการก่อสร้างบางโครงการ
ในขณะที่การสนับสนุนจากธนาคารเจ้าหนี้ที่มีค่อนข้างจำกัดนั้นจะส่งผลให้ปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่องของบริษัทรุนแรงมากขึ้น โดย ณ เดือนกันยายน 2566 บริษัทมีลูกหนี้การค้า รายได้ที่ยังไม่เรียกชำระและสินค้าคงเหลืออยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท ในขณะที่เจ้าหนี้การค้าของบริษัทและหนี้สินที่เกิดจากสัญญาอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท
KBank พร้อมช่วยเหลือลูกรายใหญ่ที่มีปัญหา
ด้าน พิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank กล่าวว่า ธนาคารพร้อมพิจารณาให้สนับสนุนกลุ่มลูกค้าคอร์ปอเรตรายใหญ่ทุกกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ผ่านการปล่อยสินเชื่อธนาคารเพื่อสร้างการเติบโตให้กับลูกค้า โดยส่วนหนึ่งจะมีการพิจารณาจากไลเซนส์ที่ลูกค้าได้รับมาในการดำเนินโครงการ อีกทั้งพร้อมช่วยเหลือลูกค้ารายใหญ่ที่ประสบปัญหา
ทั้งนี้ หลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเตรียมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ในระหว่างวันที่ 20-22 มีนาคมนี้ ทำให้ธนาคารมีโอกาสขยายพอร์ตสินเชื่อรายใหญ่ได้มากขึ้น
“ธนาคารยังคงเป้าหมายรวมปล่อยสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ในทุกกลุ่ม ทั้งโครงการโครงสร้างพื้นฐานทั้ง ทางบก, ทางน้ำ, ทางอากาศ ในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ทุกคนเผชิญเราต้องหาทางออกร่วมกัน เราพร้อมซัพพอร์ตลูกค้าทุกคนที่มีปัญหาอยู่ เพราะธนาคารมีหน้าที่ในการช่วยเหลือช่วยคลี่คลายให้ระบบเศรษฐกิจเดินต่อไปได้”