×

เด็กจบใหม่จะรอดยังไง? เมื่อ AI แทนงานแรก และคำว่า ‘ไร้ประสบการณ์’ ปิดทุกโอกาส

โดย THE STANDARD TEAM
06.09.2025
  • LOADING...

ลองจินตนาการว่าคุณเพิ่งเรียนจบปริญญาตรี เต็มไปด้วยความหวังและแผนในหัวมากมาย แต่ก่อนจะเริ่มต้นเส้นทางอาชีพ เก้าอี้งานแรกที่คุณเล็งไว้กลับถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติที่ทำงานได้เร็วกว่า ประหยัดกว่า และไม่ต้องสอนงานใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

 

นี่ไม่ใช่แค่ภาพอนาคตไกลตัว แต่กำลังเป็นความจริงที่เด็กจบใหม่หลายคนทั่วโลกต้องเผชิญ

 

🟡 เด็กจบใหม่คือกลุ่มเปราะบางที่สุดในตลาดแรงงาน

 

ข้อมูลจาก SignalFire ชี้ว่า บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั่วโลกอย่าง Meta, Google และ Microsoft ลดการจ้างงานเด็กจบใหม่ลงถึง 25% จากปีก่อนหน้า และลดลงกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด 

 

ขณะเดียวกันในสหรัฐฯ อัตราว่างงานของบัณฑิตจบใหม่พุ่งถึง 6.6% สูงสุดในรอบ 4 ปี ส่วนในเกาหลีใต้ กลุ่มคนทำงานอายุ 25–29 ปีหายไปมากที่สุดในรอบ 12 ปี และในจีน รัฐบาลยังคงต้องขยายมาตรการเยียวยาเพราะอัตราว่างงานของคนรุ่นใหม่ยังสูงกว่า 20%

 

สถานการณ์วันนี้สะท้อนว่า โลกของการทำงานกำลังเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว และคลื่นลูกใหม่อย่าง AI ก็กำลังซัดแรงจนคนที่เปราะบางที่สุดอย่างเด็กจบใหม่ต้องรับแรงกระแทกก่อนใคร จากเดิมที่แรงงานสาย Blue Collar มักเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยี มาวันนี้กลับเป็นฝั่ง White Collar รุ่นเยาว์ที่เจ็บก่อนเพื่อน

 

🟡 ไม่ใช่แค่เพราะ AI แต่เด็กจบใหม่ไร้ประสบการณ์

 

เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวทำให้องค์กรทั่วโลกต้องรัดเข็มขัด ลดต้นทุน และลดความเสี่ยงในการจ้างงาน ตำแหน่งระดับเริ่มต้นซึ่งมักเป็นงาน Routine อย่างการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น จัดทำรายงาน หรือบริการลูกค้า ถูกมองว่าไม่จำเป็นต้องใช้คน เพราะ AI สามารถทำงานแบบเดียวกันได้เร็วกว่า ไม่ล้า และไม่ต้องฝึกฝน

 

เมื่อบวกกับข้อเท็จจริงที่ว่า นายจ้างส่วนใหญ่ยังคงเลือกคนที่มีประสบการณ์มากกว่าเด็กจบใหม่ ช่องว่างของโอกาสจึงยิ่งกว้าง

 

ในประเทศไทย งานวิจัยจาก TDRI พบว่ามีเพียง 22% ของตำแหน่งงานที่เปิดรับผู้สมัครที่ไม่ต้องมีประสบการณ์ และจากผลสำรวจของสภาพัฒน์ฯ ยังพบว่า นายจ้างกว่า 89% มีแนวโน้มหลีกเลี่ยงการจ้างบัณฑิตใหม่ โดยมองว่ายังขาดทักษะสำคัญ เช่น การทำงานเป็นทีม การสื่อสารที่ดี หรือแม้แต่มารยาทในที่ทำงาน

 

เด็กจบใหม่จึงติดอยู่ในกับดักอันซับซ้อน ไม่มีประสบการณ์ > หางานไม่ได้ และเพราะหางานไม่ได้ จึงไม่มีโอกาสสร้างประสบการณ์

 

🟡 วิธีปรับตัวเชิงรุก เพื่อเอาตัวรอด

 

ปัญหานี้ไม่ได้สะท้อนแค่วิกฤตของคนกลุ่มหนึ่ง แต่มันคือสัญญาณเตือนว่า หากเราปล่อยให้คนรุ่นใหม่สูญเสียช่วงเริ่มต้นของเส้นทางอาชีพไป โลกของการทำงานในวันข้างหน้าอาจมี ‘Lost Generation’ ที่ขาดทั้งแรงบันดาลใจและทักษะในการเติบโต

 

แล้วเด็กจบใหม่ควรรับมืออย่างไร?

 

คำตอบคือ ‘ต้องปรับตัวเชิงรุก’ โดยเริ่มจากการพัฒนาทักษะที่ AI ยังเข้าไม่ถึง เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน การทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งล้วนเป็นจุดอ่อนของระบบอัตโนมัติ

 

ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับ AI อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพื่อแข่งขัน แต่เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเสริม งานวิจัยจาก AWS พบว่า พนักงานไทยที่มีทักษะด้าน AI ได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 41% และ 94% ของนายจ้างในไทยต้องการคนที่มีทักษะด้านนี้

 

อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การหาประสบการณ์จริงให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการฝึกงาน รับงานฟรีแลนซ์ หรือเข้าร่วมโครงการที่เปิดโอกาสให้ได้ลงมือทำจริง เพราะเพียงแค่เปลี่ยนสถานะจาก ‘ไม่มีประสบการณ์’ เป็น ‘มีผลงานมาบ้างแล้ว’ ก็สามารถเพิ่มโอกาสให้โดดเด่นขึ้นมาได้ทันที

 

รวมถึงอย่ามองข้ามพลังของเครือข่าย การได้รับคำแนะนำ หรือ Referral จากคนรู้จักในวงการ มักช่วยให้ได้งานเร็วกว่าการสมัครทั่วไปหลายเท่า

 

อย่างไรก็ตาม เด็กจบใหม่ไม่ควรถูกทิ้งให้สู้ลำพัง

 

ภาครัฐควรมีนโยบายส่งเสริม เช่น สนับสนุนบริษัทที่จ้างเด็กจบใหม่ จัดหลักสูตรพัฒนาทักษะราคาย่อมเยา และปรับระบบประกันการว่างงานให้ครอบคลุมกลุ่มบัณฑิต สถาบันการศึกษาควรยกเครื่องหลักสูตรให้ทันยุค ฝึกให้นักศึกษาทำงานจริงมากขึ้น และเน้นการพัฒนา Soft Skills ควบคู่กับความรู้เชิงวิชาการ

 

ขณะเดียวกัน นายจ้างก็ควรมอง AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ตัวแทนคนรุ่นใหม่ และควรเปิดโอกาสให้เด็กใหม่ได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง

 

AI อาจเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาเร็ว แต่ถ้าทุกฝ่ายร่วมกันพายเรือให้มั่น เด็กจบใหม่จะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะการสร้างแรงงานที่พร้อมสำหรับอนาคต ไม่ใช่แค่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่มันคือความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งระบบ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising