Netflix และ TKO Group Holdings เพิ่งออกมาประกาศว่า แพลตฟอร์มสตรีมมิงที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะเริ่มออกอากาศรายการมวยปล้ำของ WWE ที่มีชื่อว่า Raw ตั้งแต่ปีหน้า ถือเป็นการเข้าสู่วงการถ่ายทอดสดกีฬาครั้งใหญ่ครั้งแรกของ Netflix ภายใต้ข้อตกลงมูลค่าหลักแสนล้านบาทเป็นระยะเวลา 10 ปี
ข้อตกลงนี้จะมีค่าใช้จ่ายให้กับ Netflix มากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1.8 แสนล้านบาท และมีอายุ 10 ปี โดยมีตัวเลือกในการต่ออายุเพิ่มอีก 10 ปี หรือเลือกยกเลิกหลังจาก 5 ปี ผ่านไป หากประเมินแล้วว่าไม่เป็นไปตามสิ่งที่ได้ประเมินไว้
ไม่นานหลังจากนั้น Netflix ได้ประกาศผลประกอบการรายได้ที่ว่าบริษัทได้เพิ่มจำนวนสมาชิก 13.1 ล้านราย ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่ใหญ่ที่สุดในไตรมาสที่ 4 ของประวัติศาสตร์บริษัท ณ ตอนนี้บริการดังกล่าวมีผู้สมัครสมาชิกทั่วโลก 260 ล้านราย
แพลตฟอร์มสตรีมมิงจะสามารถสตรีม Raw ได้ทั่วโลก และจะเริ่มข้อตกลงด้วยสิทธิพิเศษในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, สหราชอาณาจักร และลาตินอเมริกา Netflix ยังจะกลายเป็นบ้านใหม่สำหรับรายการและรายการพิเศษทั้งหมดของ WWE นอกสหรัฐอเมริกา
หุ้นของ TKO พุ่งขึ้นมากกว่า 15% ตามข่าวนี้ และประกาศแยกต่างหากว่านักแสดงและอดีตซูเปอร์สตาร์มวยปล้ำ Dwayne Johnson จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหาร Netflix หุ้นของ Netflix ก็เพิ่มขึ้นประมาณ 1% ก่อนรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 หลังเวลาปิดการซื้อขายในวันอังคาร (23 มกราคม)
Netflix ซึ่งกำลังพยายามเพิ่มรายได้โดยลดการแชร์การสมัครสมาชิกและผลักดันผู้ชมไปยังการเป็นสมาชิกที่มีโฆษณา มีความพยายามในการถ่ายทอดสดเพียงไม่กี่ครั้งในประวัติศาสตร์ของตัวเอง การเพิ่ม Raw ซึ่งปัจจุบันออกอากาศทาง USA Network และผลิตรายการสด 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งดึงดูดผู้ชมเฉพาะกลุ่มได้ถึง 17.5 ล้านคนต่อปี เป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับแพลตฟอร์มและเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของ Netflix
จริงๆ แล้ว TKO ได้มีการพูดคุยกับบริษัทสื่ออื่นๆ แต่เลือก Netflix เป็นพิเศษในเดือนธันวาคม ตามคำบอกเล่าของผู้ที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ เพราะความเป็นสากลของ Netflix ซึ่งมีการเข้าถึงที่กว้างขึ้นกว่าบริการสตรีมมิงอื่นๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูด WWE
ที่ผ่านมา Netflix ได้มุ่งเน้นไปที่สารคดีกีฬามากกว่าการถ่ายทอดสดกีฬา แต่การเพิ่ม Raw เข้าไปในรายการของตนทำให้ Netflix มีความสามารถแข่งขันมากขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เช่น Peacock ซึ่งได้ทำให้ถ่ายทอดสดกีฬาเป็นเนื้อหาหลักของบริการ และได้ถ่ายทอดเกมการแข่งขันฟุตบอลอเมริกันของ National Football League ล่าสุด Amazon Prime ได้ถ่ายทอดเกม NFL ในคืนวันพฤหัสบดีตั้งแต่ปี 2022 ในขณะที่ Apple ได้ทำข้อตกลงมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ต่อปีกับ Major League Soccer และข้อตกลงเพิ่มเติมกับ Major League Baseball
“ความร่วมมือระหว่าง WWE และ Netflix เป็นเรื่องใหญ่” นักวิเคราะห์จาก Forrester กล่าว โดยชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของบริษัทเกี่ยวกับการถ่ายทอดสดกีฬานั้นคล้ายคลึงกับการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์เกี่ยวกับการโฆษณา หลายปีที่ผ่านมา ผู้บริหารของบริษัทได้ยืนยันว่าบริการของพวกเขาจะไม่มีโฆษณาเป็นอันขาด แต่เมื่อปีที่แล้ว Netflix ได้เริ่มเสนอการสมัครสมาชิกที่มีโฆษณาในราคาที่ต่ำกว่าต่อเดือน
อ้างอิง: