ไม่ใช่วันที่ดีของผู้ให้บริการสตรีมมิงออนดีมานด์ Netflix สักเท่าไร เมื่อหุ้นของบริษัทปิดตลาดของวันพุธที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่า 301 เหรียญสหรัฐ ลดลงกว่า 9.4% เมื่อเทียบกับช่วงเปิดตลาดของวัน (ประมาณ 332 เหรียญสหรัฐ) แม้สัปดาห์ที่แล้วหุ้นจะดีดตัว 15% แตะ 364 เหรียญสหรัฐ จากการทำผลงานในช่วงไตรมาส 3 ได้ดีก็ตาม
ด้าน Facebook ก็ไม่น้อยหน้า เพราะหุ้นบริษัทก็ตกลงไปกว่า 5.4% ในช่วงปิดตลาดของวันมาอยู่ที่ 146 เหรียญสหรัฐ นับเป็นมูลค่าที่ต่ำที่สุดในรอบปีของบริษัท ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในสหรัฐฯ เจ้าอื่นๆ อย่าง Amazon (-6%), Google (Alphabet -5%), Microsoft (-5%), Twitter (-4.3%) หรือแม้แต่ Apple (-3%) เองก็ไม่รอด ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
ปัจจัยหลักที่ทำให้หุ้นบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกาพร้อมใจกันร่วงระเนระนาดเช่นนี้ เป็นผลจากตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาที่ดิ่งลงอย่างหนัก สืบเนื่องจากหลายๆ ปัจจัย ทั้งปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ, สถานการณ์ทางการเมือง และความวุ่นวายต่างๆ รวมถึงกรณีวัตถุปริศนาส่งถึงบ้านอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และบารัก โอบามา โดยภายในวันเดียว Nasdaq ลดลงกว่า 4.4%, ดาวโจนส์ลดลง 2.4% และ S&P 500 ลดลง 3%
ส่วนสาเหตุที่ Netflix ได้รับผลกระทบมากที่สุดในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีด้วยกัน แม้ว่าสัปดาห์ที่แล้วจะพบว่า ตัวเลขสมาชิกผู้ใช้งานมีการเติบโตสูงกว่า 10% นั้น หลายฝ่ายเชื่อว่า เป็นผลมาจากช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่บริษัทได้ประกาศข่าวเตรียมระดมทุนอีกกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเดินหน้าสร้างออริจินัลคอนเทนต์ใหม่ๆ และเพิ่มการลงทุนในส่วนอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทที่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: