วานนี้ (15 มกราคม) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหตุเครื่องบิน ATR 72-500 ของสายการบิน Yeti Airlines ตกลงในเมืองโปขราของเนปาล หลังจากบรรทุกลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมด 72 ราย ออกจากสนามบินในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของประเทศ มุ่งหน้าสู่สนามบินโปขรา ทางการคาดอาจเสียชีวิตยกลำ เบื้องต้นพบร่างผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 68 ราย นับเป็นเหตุเครื่องบินตกที่เลวร้ายและคร่าชีวิตผู้คนไปมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปีของเนปาล
รายงานของสำนักงานการบินพลเรือนเนปาลระบุว่า ผู้เสียชีวิตจากเที่ยวบินที่ประสบอุบัติเหตุตกและพบร่างแล้วในขณะนี้ เป็นผู้ชาย 37 ราย และผู้หญิง 25 ราย อีก 6 รายเป็นเด็กเล็กและเด็กทารก โดยผู้โดยสาร 53 รายและลูกเรือทั้งหมด 4 รายเป็นชาวเนปาลทั้งหมด ขณะที่อีก 15 รายเป็นชาวต่างชาติ มีชาวอินเดีย 5 ราย ชาวรัสเซีย 4 ราย ชาวเกาหลี 2 ราย ชาวออสเตรเลีย ชาวอาร์เจนตินา ชาวฝรั่งเศส และชาวไอร์แลนด์ประเทศละ 1 ราย
โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้นับเป็นเหตุเครื่องบินตกที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของเนปาล ตามข้อมูลของเครือข่ายความปลอดภัยด้านการบิน มีเพียงอุบัติเหตุเครื่องบินของสายการบินไทยและสายการบินปากีสถานตกในเนปาล เมื่อเดือนกรกฎาคมและเดือนกันยายนปี 1992 เท่านั้นที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปมากที่สุดถึง 113 ราย และ 167 ราย ตามลำดับ
เบื้องต้น ทางการเนปาลตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเหตุเครื่องบินตกในครั้งนี้แล้ว โดยคณะกรรมการทั้ง 5 รายนี้จะต้องส่งรายงานสรุปให้กับรัฐบาลเนปาลภายใน 45 วัน
ด้าน ปุษปกมล ทาหาล นายกรัฐมนตรีเนปาลได้แสดงความเสียใจต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และมีคำสั่งให้หน่วยงานของรัฐเร่งตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือผู้ที่อาจรอดชีวิตแล้ว พร้อมประกาศให้วันนี้ (16 มกราคม) เป็นวันหยุดราชการ เพื่อร่วมไว้อาลัยต่อบรรดาผู้เสียชีวิตทั้งหมด
ภาพ: Bishan Chetri / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: