ผลสำรวจจาก Pew Research Center พบว่าชาวอเมริกันกว่าครึ่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย (58%) หรือผู้หญิง (61%) ไม่ได้เจรจาขอเงินเดือนที่สูงขึ้นในครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้งานใหม่ ซึ่งอาจทำให้พลาด เงินเดือน ที่สูงกว่าไปได้มาก
Nolan Church อดีตนักสรรหาบุคลากรของ Google ซึ่งปัจจุบันเป็น CEO ของ FairComp บริษัทด้านข้อมูลเงินเดือน อธิบายว่า “คนส่วนใหญ่อาจไม่เข้าใจว่าเงินเดือนตั้งต้นจะมีผลต่อเนื่องไปในอนาคต เมื่อมีการปรับเงินเดือนขึ้นบริษัทจะอิงจากฐานเงินเดือนนั้นด้วย” ดังนั้นยิ่งเงินเดือนเริ่มต้นสูง เงินเดือนก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเวลาผ่านไป
Church ได้แนะนำวิธีการเจรจาเงินเดือนดังนี้
1. บริษัทมักเริ่มจากฐานเงินเดือนต่ำที่สุด
เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าใจว่าบริษัทกำหนดเงินเดือนที่จะเสนอคุณได้อย่างไร โดยทั่วไปบริษัทจะใช้บริการข้อมูลด้านเงินเดือน ซึ่งมีตัวเลขที่เป็นปัจจุบันและละเอียดสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อกำหนดช่วงเงินเดือนของแต่ละตำแหน่ง เมื่อถึงเวลาต้องเสนอเงินเดือน บริษัทมักเริ่มจากจุดต่ำสุดของช่วงนั้น
นอกจากนี้ หลักการที่บริษัทใช้ตัดสินใจอีกอย่างหนึ่งคือแนวคิดในเรื่องการจ่ายเงินเดือน ซึ่งแสดงถึงทัศนคติของพวกเขาในการพิจารณาค่าตอบแทน ทั้งในเรื่องของการวางตัวว่าจ่ายสูงกว่า ต่ำกว่า หรือเทียบเท่าบริษัทอื่น การให้วันลาพักร้อน ฯลฯ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการคำนวณแพ็กเกจเงินเดือน
2. แนวคิดค่าตอบแทนของบริษัทเป็นอย่างไร
ขั้นตอนหลังจากสัมภาษณ์งานและได้ข้อเสนอเงินเดือน Church แนะนำให้ถามสองคำถามสำคัญคือ หนึ่ง “ระดับเงินเดือนนี้ตรงกับช่วงค่าตอบแทนภายในของคุณอย่างไร” ซึ่งบริษัทจะมีการแบ่งระดับเงินเดือนต่างๆ และสอง “แนวคิดด้านค่าตอบแทนของบริษัทคุณเป็นอย่างไร”
3. ผมอยากร่วมงานกับคุณถ้าได้เงินเดือนตามนี้
หลังจากที่ได้รับคำตอบ บอกพวกเขาว่าคุณรู้สึกตื่นเต้นกับข้อเสนอนี้มาก แต่ขอเวลาสักสองสามวันเพื่อพิจารณา จากนั้นให้เริ่มทำการบ้านด้วยการตรวจสอบเว็บไซต์ข้อมูลเงินเดือน และอย่าลืมปรึกษาคนในสายงานเดียวกันด้วย จุดสำคัญอยู่ที่ต้องกล้าถามเรื่องเงิน
เมื่อพร้อมแล้วกลับไปที่ข้อเสนอ โดยพูดประมาณว่าคุณยินดีรับงาน ขอเพียงแค่ปรับเงินเดือนตามตัวเลขที่คุณระบุ
ผลลัพธ์อาจเป็นได้ว่าบริษัทตกลงปรับเงินเดือนขึ้นมาเล็กน้อย หรือไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ถ้าไม่เจรจา โอกาสก็จะเป็นศูนย์แน่นอน
อ้างอิง:
