วันนี้ (14 ตุลาคม) เมื่อช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ ‘การชุมนุมใหญ่ 14 ตุลาคม’ ในสองประเด็นสำคัญ ประกอบด้วยประเด็นการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมฝั่งคณะราษฎร และเส้นทางการจราจรที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม
พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยว่า การดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้พบเห็นการกระทำความผิดในข้อหาการตั้งวางสิ่งของกีดขวางผิวทางการจราจรและฟุตปาธบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และการขัดคำสั่งของเจ้าหน้าที่พนักงาน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมตามประมวลกฎหมายอาญาฯ มาตรา 368 คือ การขัดคำสั่งเจ้าหน้าที่พนักงาน นอกจากนี้ยังมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 9 ข้อหา ทั้งประเด็นการตั้งวางสิ่งของกีดขวางเส้นทางสาธารณะอันอาจจะเกิดความไม่สะดวกและไม่ปลอดภัยตามมาตรา 385 และการกีดขวางการจราจรตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก มาตรา 144
“ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ได้นำผู้ต้องหาทั้ง 21 ราย ดำเนินคดีส่งศาลฯ โดยในจำนวนนี้ 1 รายที่เป็นเยาวชนได้เชิญสหวิชาชีพมาดำเนินการสอบสวน ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการส่งศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” พล.ต.ต. ปิยะกล่าว
พร้อมกันนี้ พล.ต.ต. ปิยะ ยังได้กล่าวอีกด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่ในวันนี้ด้วยอุดมคติ ‘อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก’ ทั้งยังกล่าวถึงการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มมวลชนคณะราษฎรและกลุ่มคนเสื้อเหลืองว่า
“ทุกคนที่เดินทางมาในวันนี้ เราอยากให้ยึดถือหัวใจดวงเดียวกัน นั่นคือการเดินทางมาด้วย ‘ความจงรักภักดี’ หากมีความเห็นต่างเกิดขึ้นในการชุมนุม อยากให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เราแตกแยกทางความคิดได้ แต่อย่าทะเลาะกัน” พล.ต.ต. ปิยะกล่าว
ด้าน พล.ต.ต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น เปิดเผยในประเด็นเส้นทางการจราจรที่ได้รับผลกระทบจากการจัดกิจกรรมชุมนุมใหญ่ 14 ตุลาคมว่าจะครอบคลุมใน 4 เส้นทางหลัก ประกอบด้วยถนนราชดำเนินกลาง, ถนนหลานหลวง, ถนนดินสอ และถนนตะนาว
“เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. เราได้ปิดการจราจรในเส้นถนนราชดำเนินกลางขาเข้า แยกผ่านพิภพ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ลงไปยังพื้นผิวการจราจร สำหรับประชาชนที่เดินทางมาจากฝั่งธนฯ ผ่านสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า สามารถใช้เส้นทางถนนอัษฎางค์และถนนเจ้าฟ้า อย่างไรก็ดีการสัญจรในเส้นทางดังกล่าวมีความหนาแน่นพอสมควรเนื่องจากมีกลุ่มคนจำนวนมากที่เดินทางผ่านเส้นทางในจุดนี้” พล.ต.ต. จิรสันต์กล่าว
พล.ต.ต. จิรสันต์กล่าวอีกด้วยว่า ทาง บช.น. จึงแนะนำว่า ในช่วงเร่งด่วนหลังเวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ให้ประชาชนเลี่ยงการเดินทางผ่านเส้นถนนราชดำเนินทั้งหมด รวมถึงถนนที่เกี่ยวเนื่องกับเส้นดังกล่าว โดยแนะนำให้ใช้เส้นสะพานพระราม 8, สะพานกรุงธน, สะพานพระปกเกล้า หรือสะพานพระพุทธยอดฟ้าแทน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
