วันนี้ (8 เมษายน) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาคดีเลขาธิการคณะกรรมการกิจ การกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ฟ้อง 4 กสทช. ข้อหาผิด 157 เป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการที่ผู้บริโภคสื่อไม่สามารถรับชมถ่ายทอดบอลโลกปี 2565 ได้ โดยศาลพิพากษายกฟ้องนั้น
ศ. ดร.พิรงรอง รามสูต กสทช. เผยว่า ในวันนี้ศาลตัดสินยกฟ้องตนเองกับพวกในคดีนี้เนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมาย และในส่วนที่องค์คณะมีความเห็นแย้งในคดีนี้ให้สั่งจำคุกนั้น ไม่ได้หนักใจ เป็นสิทธิของศาลที่สามารถทำได้ แต่คาดว่าหลังจากนี้น่าจะมีการใช้สิทธิอุทธรณ์ของฝ่ายโจทก์
ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะใช้เวลาศึกษาคำพิพากษาฉบับเต็มอีกอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ และต้องขอขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม ขอยืนยันว่าทุกคนทำหน้าที่ตามกฎหมายโดยตลอด และเหตุแห่งคดีนี้เป็นการปกป้องประโยชน์ของสาธารณะ ทั้งส่วนของผู้บริโภคในส่วนของการรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก และส่วนของผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. แต่ไม่สามารถถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกได้
ส่วนจะอุทธรณ์ประเด็นใดนั้นต้องหารือกับอัยการและทนายความอีกครั้งหนึ่ง ส่วนการทำงานร่วมกับรักษาการณ์ เลขาธิการ กสทช. ที่ผ่านมาก็ทำงานร่วมกันมาหลายครั้ง เรื่องคดีกับเรื่องต้องทำงานร่วมกันก็เป็นคนละเรื่อง เรามีความเป็นมืออาชีพ
สำหรับการติดตามข้อเท็จจริงเรื่องเงิน 600 ล้านบาท ศ. ดร.พิรงรอง กล่าวว่า ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบค่าปรับในระดับคณะทำงานของ กสทช. ขึ้นมา โดยเข้าใจว่าคณะทำงานได้ทำงานส่วนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมถึงมีรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เรียบร้อย น่าจะอยู่ในวาระสำหรับการพิจารณาของ กสทช. แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของคดีนี้ต่อการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ศ. ดร.พิรงรอง กล่าวว่า ยังอีกไกล แต่ทาง กสทช. ได้ยกการถ่ายทอดบอลโลกออกจาก Must Have แล้ว แต่ไม่ทราบว่าสำนักงาน กสทช. ดำเนินการไปถึงขั้นตอนใด แต่ตามมติบอร์ดที่เราเกี่ยวข้องได้ยกออกไปแล้ว ถ้าจะมาอ้างว่าการที่อยู่ในกฎ Must Have จะทำให้ลิขสิทธิ์แพงนั้นก็ไม่ได้แล้ว เพราะเป็นกลไกตลาด
ขณะที่ พล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมกับพวกเราทั้ง 4 คน และเชื่อว่าสิ่งที่พวกเราทำมา เราทำมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งได้ดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบ เพราะสิ่งที่เราทำมาเป็นไปตามกฎระเบียบทุกอย่าง
ส่วนจะมีมาตรการดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น พล.อ.ท. ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กสทช. กล่าวว่า เป็นสิทธิของโจทก์ว่าจะอุทธรณ์หรือไม่อย่างไร แต่สิ่งที่ศาลให้คำตัดสินว่า ในการดำเนินการในเรื่องนี้หากมีการดำเนินการให้เป็นไปตามมติของ กสทช. ส่วนตัวมองว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไร แต่เนื่องจากมีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามมติของ กสทช. เลยทำให้เกิดปัญหา
พล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ ระบุว่า จริงๆ แล้วคงมีอีกหลายประเด็นที่ทำให้เกิดปัญหาในลักษณะของการทำงานของ กสทช. ที่ทำให้ในบางเรื่องมีมติแล้ว แต่ในหลายครั้งที่มตินั้นไม่ยอมนำไปสู่การปฏิบัติ และมีหลายเรื่องที่เราโดนฟ้อง ทั้งที่เราเองพยายามปกป้องสิทธิหน้าที่ของประชาชนและอำนาจหน้าที่ของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการตั้งรักษาการเลขาธิการ กสทช. ก็ควรต้องเป็นอำนาจของคณะกรรมการที่จะต้องมาร่วมกันให้ความเห็นชอบ
ทั้งนี้ พล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ มองว่า ในแง่ของการที่จะแต่งตั้งรองเลขาธิการคนต่อไป ก็เชื่อว่าก็ต้องเป็นอำนาจของ กสทช. ไม่ใช่ว่าจะเป็นอำนาจของใครคนใดคนหนึ่งที่จะมีอำนาจดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนก็ทราบดีว่าเป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามระเบียบ รวมทั้งแนวทางปฏิบัติของ กสทช. หลายๆ ชุดที่ผ่านมา ก็ได้มีการปฏิบัติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบางครั้งอาจจะมีการดำเนินการที่ไม่ยอมรับในมติ หรือไม่เป็นไปตามมติ จึงทำให้เกิดปัญหา แต่อย่างไรพวกเราก็พร้อมที่จะยืนหยัดทำหน้าที่เพื่อที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนต่อไป