ออนไลน์แล้วสำหรับรายการ THE INTERVIEW ของ THE STANDARD POP ที่พาทุกคนไปสำรวจความคิดในช่วงวัย 38 ปี ของ เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ หนึ่งในช่วงเวลาสำคัญที่เขากำลังมีผลงานเรื่องใหม่ Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ เตรียมเข้าฉายวันที่ 6 เมษายน
เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เขาเริ่มมองชีวิตอีกแบบหนึ่ง วางความกลัว ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็ก พาทั้งตัวเองและภาพยนตร์เรื่องใหม่เข้าสู่เฟสต่อไปของจักรวาล ‘นวพล’ ที่เป็นอิสระและ ‘อยากทำอะไรก็ทำ!’
รับชมรายการ THE INTERVIEW ได้ที่
“ตัวละครในจักรวาลของเราส่วนใหญ่มันคือบทบันทึกในแต่ละช่วงของชีวิต ยุ่น ในเรื่อง ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ หมายถึงเราในวัยเท่านี้, จีน ใน ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ หมายถึงเราในวัยเท่านี้ ชีวิตอาจจะไม่ได้เหมือนเป๊ะแบบนั้น แต่เป็นความคิด ความอ่าน หรือความรู้สึกในเวลานั้น
“เพราะฉะนั้นถามว่าจักรวาลของตัวละครเราเป็นยังไง ก็คือเป็นเรา เพื่อนเรา และหลายๆ คนมารวมกัน ตัวละครบางตัวก็มาจากเพื่อนในชีวิตจริง มันมีเลือดเนื้อกับเรามากๆ แล้วพอมีเลือดเนื้อมากๆ เราก็จะรู้สึกรักมันทั้งๆ ที่เป็นตัวละครที่ถูกเขียนขึ้นมา
“หรืออย่างล่าสุดใน Fast & Feel Love ดูญาญ่าเล่นอยู่ แล้วอยู่ดีๆ ก็ อ่าว เชี่ย กูน้ำตาไหลทำไม (หัวเราะ) ฉากไม่ได้เมโลดราม่าด้วยนะ แต่เหมือนเราดันเห็นคนนั้นจริงๆ ไปเลย ค่อนข้างผูกพันและมีความหมายกับเรามากๆ
“เวลาทำหนังเราจะคิดกับมันมากกว่าการทำงาน มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปด้วย เวลาเจอนักแสดง เราไม่ได้คิดว่าเขาเป็นนักแสดงขนาดนั้น เราคิดว่าเป็นเพื่อนกัน บางครั้งจากหลายๆ เรื่อง ความเป็นเพื่อนกันมันก็ทะลุออกมาจากหนัง แล้วรู้สึกว่ามันสนุกดี เหมือนทำหนังแล้วก็ได้เพื่อนใหม่ๆ ไปด้วย”
เต๋อ นวพล พูดถึงจักรวาลตัวละครของเขา ที่ถึงแม้ภาพยนตร์จะจบไปแล้ว แต่นักแสดงหลายคนก็ยังวนเวียนมาเจอ และกลายเป็นเพื่อนกันในชีวิตจริง ในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งของรายการ THE INTERVIEW กับ THE STANDARD POP
“นักแสดง Fast & Feel Love เป็นกลุ่มที่มีสีสันมากสำหรับเรา สนุกมากเวลาไปกองถ่าย อาจจะด้วยเนื้อเรื่องส่วนหนึ่ง กับตัวแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันสักคนเดียว หลากเพศ หลากวัย หลากคาแรกเตอร์ บางครั้งนักแสดงที่เราเลือกในเรื่องก่อนๆ บางทีจะมีคาแรกเตอร์ที่เกือบๆ คล้ายกันบ้าง
“แต่เรื่องนี้ คนนี้ซ้าย ไอ้นี่ขวา คนนั้นล่าง ต่างกันหมดเลย แล้วพอมารวมกันมันสนุก เป็นการกำกับงานที่รู้สึกสนุกกว่าเรื่องอื่นมากๆ เวลาเห็นคนหลากหลายอยู่ในเฟรมเดียวกัน”
เต๋อ นวพล พูดถึงนักแสดงหลากคาแรกเตอร์ที่มารวมตัวกันในภาพยนตร์เรื่อง Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ที่กำลังจะเข้าฉายวันที่ 6 เมษายน ในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งของรายการ THE INTERVIEW กับ THE STANDARD POP
“ผมทำหนังรัวๆ มาถึงเรื่องที่ 7 ในรอบ 10 ปี เหมือนขับรถวนลูปจนรู้สึกคุ้นเคย เห็นทุกอย่างมาประมาณหนึ่ง แต่ยิ่งเห็นเยอะเท่าไร ยิ่งรู้สึกว่าหนังของเรามันสำคัญน้อยลงไปเรื่อยๆ หนังเรามันก็เป็นหนังเล็กๆ เรื่องหนึ่งในจักรวาล ฟังดูเหมือนไม่ดี แต่ทำให้เรารู้สึกอิสระมากขึ้นว่า เฮ้ย ถ้ามันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น มึงอยากทำอะไรก็ทำเถอะ ไม่มีใครว่าหรอก
“ถ้าเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ที่รู้สึกว่ากว่าจะได้ทำหนังเรื่องหนึ่งสำคัญมาก ต้องทำให้ดี อะไรที่ทำแล้วดูผิด ดูเสี่ยง ก็จะเบรกไว้บ้าง แต่พอผ่านเฟสนั้นไปแล้ว แทนที่จะรู้สึกยึดติดกับมัน กลายเป็นว่า อ๋อ มันแค่นี้ล่ะมึง เดี๋ยวมึงจะเขียน พรีโปรดักชัน ถ่ายทำ ตัดต่อ เข้าฉาย ไปเฟสติวัล แล้วมึงจะกลับมาที่เดิม แค่นั้นเลย”
เต๋อ นวพล พูดถึงความรู้สึก ‘ไม่สำคัญ’ ที่ทำให้เกิดความอิสระในการทำงานเรื่อง Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งของรายการ THE INTERVIEW กับ THE STANDARD POP
“นวพล ตอนทำ ฮาวทูทิ้ง ไม่มายุ่งกับเราเลยนะ บอกลากันไปแล้ว แต่จะมีนวพล ตอนทำเรื่อง 36 มาแตะไหล่มากกว่า ทำให้นึกถึงตอนนั้นว่ามึงไม่เห็นกลัวอะไรเลย ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่ต้องคิดว่าคนดูจะว่ายังไง เราชอบสปิริตนั้นมาก แต่พอทำมาเรื่อยๆ มีบริบทอะไรที่ฟูมากขึ้น กลายเป็นความกังวลที่บางครั้งก็รู้สึกว่ามึงจะกังวลเรื่องนี้ทำไมเหรอ บางทีก็ลืมไปแล้วว่าความรู้สึกตอนทำหนังเรื่องแรกมันเป็นยังไงนะ”
เต๋อ นวพล พูดถึงความรู้สึกไม่กลัวอะไรเลยในการทำหนังเรื่องแรก ที่เพิ่งกลับคืนมาอีกครั้งตอนถ่ายทำ Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งของรายการ THE INTERVIEW กับ THE STANDARD POP
“ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งรู้สึกว่าทุกอย่างธรรมดาลงเรื่อยๆ ถ้าถามตอนอายุ 29 ปี เราอาจตอบว่าแม่งโคตรดีเลยว่ะ แต่ถ้าถามตอน 38 ปี เราจะบอกว่า เออ ดีนะ มีช่วงเหนื่อย ยากลำบาก ผ่านมาได้ก็ดีมากแล้ว คล้ายๆ การทำหนังที่ไม่ใช่ผู้กำกับร้อยล้าน แต่ก็ไม่ถึงกับไม่ทำรายได้เลย รู้สึกว่าไอ้โพสิชันกลางๆ หรือโพสิชันก็ดี คือความโชคดีมาก เพราะทำให้เรากลับไปกลับมาระหว่างโลกไหนก็ได้
“เราไม่มีกระบวนการขอพรวันเกิดเลย เพราะสำหรับเราเป็นแค่มาร์กอย่างหนึ่ง เหมือนมนุษย์ครีเอตวันเกิดขึ้นมา พรของมันคือมาร์กว่าเรามาอยู่จุดนี้ 38 รอบแล้วนะ เป็นจุดพิจารณาชีวิตในแต่ละปีว่ามีอะไรทำได้ดี อะไรทำได้ไม่ดี แล้วเอายังไงต่อ
“เพราะบางทีใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ จนลืมทบทวนว่าเราทำอะไรบ้าง แล้วทุกๆ วันเกิดเหมือนมีคนบอกว่า ผมหยุดเวลาให้แป๊บหนึ่งนะครับ คุณลองคิดดูว่าเป็นยังไงบ้างสำหรับปีที่ผ่านมา วันเกิดสำหรับเราแค่นี้พอแล้ว”
เต๋อ นวพล พูดถึงช่วงชีวิตวัย 38 ปี และความสำคัญของวันเกิด ในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งของรายการ THE INTERVIEW กับ THE STANDARD POP
“สิ่งที่น่ากลัว น่ากังวลที่สุดเหรอ การที่หนังเรามันไม่ได้มีความหมายกับใครเลยมั้ง เราโตมากับการเป็นคนทำหนังอยู่ในสล็อตเล็กๆ คือไม่ใช่หนังแมสขนาดนั้น แต่ก็ไม่ใช่อาร์ตเฮาส์จ๋า แล้วสิ่งที่ทำให้เราทำหนังมาเรื่อยๆ ในสล็อตตรงนี้ได้คือ การพบว่าหนังเรามีความหมายกับคนอยู่ ไม่ใช่เรื่องจำนวนนะที่อาจจะต้องมี 5 แสนคน ถึงจะรู้สึกฟิน มันไม่ใช่รายได้ที่จะวัดได้ขนาดนั้น
“แต่เป็นความรู้สึกที่มีคนบอกว่า เออ ดูหนังแล้ว ดีนะ ทำต่อไป ต่อให้หนังเรื่องนั้นสำเร็จในเชิงธุรกิจมากหรือน้อย เรายังรู้สึกว่า เอาเว้ย ยังมีคนดูอยู่นะ แล้วเขาคือเพื่อนเรา อาจจะอยู่จังหวัดนี้ 10 คน ประเทศนั้น 5 คน มันมีคนที่เชื่อมถึงกันได้ อย่างน้อยก็ทำให้คนกลุ่มนี้ดูอยู่
“เพราะบางทีเราก็เป็นคนเหล่านั้นเหมือนกัน เราฟังเพลงญี่ปุ่นของวงที่ไม่ได้ดังมาก แต่เพราะมาก ฟังทุกวันเลย เขายังทำอยู่หรือเปล่านะ ถ้าเกิดได้เจอกันก็จะบอกเขาว่า เพลงพี่แม่งมีความหมายกับผม ไม่รู้พี่จะทำต่อหรือเปล่า แต่พี่ไม่เหงานะ มีผมฟังอยู่ ผมบอกแค่นี้ล่ะ
“ความสำเร็จที่เราชอบมากแล้วรู้สึกว่าเกิดขึ้นได้ยาก คือการที่หนังเรื่องหนึ่งเป็น คัลเจอร์ คือมีความหมายกับคนจริงๆ แล้วเขาจะไม่ลืม เพราะมันจะอยู่ในเลือด ในเสื้อผ้า ในร่างกายของเขา มันมากกว่าการชอบเฉยๆ คือมันมีเรื่องราวไปปะอยู่บนชีวิตคนอื่นได้ด้วย”
เต๋อ นวพล พูดถึงความรู้สึกในการทำงาน ที่กลัวและกังวลว่าผลงานของเขาจะไม่มีความหมายกับใครเลย ในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งของรายการ THE INTERVIEW กับ THE STANDARD POP