วานนี้ (11 มกราคม) มีรายงานว่า คณะกรรมการพิจารณาแนวทางกู้เรือหลวงสุโขทัย ที่จมลงก้นทะเลที่ระดับความลึกราว 50 เมตร เขตพื้นที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากฝั่งไปประมาณ 19 ไมล์ทะเล ที่มี พล.ร.อ. อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธาน ได้เตรียมประชุมคณะกรรมการเพื่อหาข้อสรุปในการเลือกบริษัทเข้าทำกู้เรือหลวงลำดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
ขณะนี้มีบริษัทที่แจ้งความประสงค์เข้ามา 12 บริษัท ซึ่งเข้าเงื่อนไขที่กองทัพเรือต้องการ คือจะต้องรักษาสภาพเรือให้สามารถใช้งานต่อไปได้ โดยไม่มีการแยกส่วน หรือตัดชิ้นแยกเรือเพื่อนำขึ้นมา ประมาณการว่าจะใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท ดังนั้นกองทัพเรือต้องดำเนินการตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง และนำเสนอกระทรวงกลาโหม เพื่อพิจารณากรอบวงเงินต่อไป
มีรายงานด้วยว่า บริษัทเอกชนที่แจ้งเข้ามาต่างเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำเรือขึ้นมาได้ทั้งลำ โดยใช้เทคนิคและอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ เช่น เครน หรือการใช้ทุ่นเพื่อพยุงเรือ ซึ่งอุปกรณ์บางอย่างต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ อาจต้องใช้เวลาดำเนินการพอสมควร และในเบื้องต้นจากคำให้การของผู้บังคับการเรือ ยืนยันว่าไม่มีลูกเรือ หรือผู้โดยสารคนใดอยู่ในเรือลำดังกล่าวแล้วหลังจากมีคำสั่งสละเรือ ขณะที่นักประดาน้ำที่ลงไปสำรวจและวางแผนในการกู้เรือ ก็ไม่สามารถเข้าไปในบริเวณตัวเรือได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เรือจะเอียง หรือมีการหลงพื้นที่ และอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของนักประดาน้ำด้วย