×

กองทัพเรือแจงปมโครงการจัดซื้อเป้าบินไอพ่นแบบอัตโนมัติ ยึดหลักความโปร่งใส และคุ้มค่ากับงบประมาณ

โดย THE STANDARD TEAM
02.05.2023
  • LOADING...
กองทัพเรือ เป้าบินไอพ่น

วันนี้ (2 พฤษภาคม) พล.ร.อ. ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีการนำเสนอข่าวในโครงการจัดซื้อเป้าบินไอพ่นแบบอัตโนมัติ มูลค่าโครงการ 49.8 ล้านบาท

 

โดยระบุว่า มีความยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงไม่มีการทดสอบการใช้งาน แต่กลับมีการแก้ไขสัญญาหลายครั้ง และยังมีการจ่ายเงินให้บริษัทผู้ขายไปแล้ว 47.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 96% ของราคาทั้งหมด รวมถึงมีข้อสงสัยประเด็นที่ว่า เป้าบินแบบไอพ่นอัตโนมัติที่จัดหาจะใช้สำหรับการฝึกยิงอาวุธต่อสู้อากาศยาน ซึ่งต้องถูกปล่อยจากรางภาคพื้นดินเช่นเดียวกับจรวดที่ต้องมีรางปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

แต่กรมสรรพาวุธทหารเรือได้เสนอของบประมาณจัดซื้อเฉพาะเป้าบินโดยไม่ซื้อรางปล่อย โดยให้เหตุผลว่าบริษัทผู้ขายสามารถปรับปรุงรางเก่าที่มีอยู่เดิมแม้จะเป็นคนละยี่ห้อให้สามารถใช้งานกับเป้าบินของใหม่ได้ เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าการปรับลดไม่ซื้อรางปล่อยอาจมีเจตนาเพื่อให้วงเงินอยู่ในอำนาจของผู้อนุมัติ (เจ้ากรมสรรพาวุธทหารเรือ) คือไม่เกิน 50 ล้านบาท และเอื้อบริษัทที่มาเสนอราคา ซึ่งไม่ได้เป็นตัวแทนของผู้ผลิตในต่างประเทศโดยตรงหรือไม่นั้น

 

พล.ร.อ. ปกครอง ชี้แจงว่า กองทัพเรือขอเรียนว่า กองทัพเรือโดยกรมสรรพาวุธทหารเรือ ได้จัดซื้อเป้าบินพิสัยกลางแบบไอพ่น ซึ่งเป็นไปตามสัญญาเลขที่ 46/งป.2563 มูลค่า 49.8 ล้านบาท สำหรับงบประมาณในการดำเนินการดังกล่าวเป็นการจัดซื้อในกรอบวงเงินที่จำกัด จึงจำเป็นต้องปรับปรุงรางปล่อยเดิมให้สามารถใช้กับเป้าบินใหม่ที่ซื้อในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าช่วยทางราชการประหยัดงบประมาณ

 

โดยในสัญญาดังกล่าวได้กำหนดงานปรับปรุงรางปล่อยเดิมไว้เรียบร้อยแล้ว สำหรับประเด็นที่กล่าวอ้างว่ากรมสรรพาวุธทหารเรือปรับลดวงเงินเพื่อให้อำนาจการสั่งซื้ออยู่ที่เจ้ากรมสรรพาวุธทหารเรือนั้นไม่เป็นความจริง

 

เนื่องจากการจัดซื้อรายการนี้เป็นการจัดซื้อโดยวิธีคัดเลือก ซึ่งปฏิบัติตามคำสั่ง กห. (เฉพาะ) ที่ 265/65 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 เรื่อง การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของกระทรวงกลาโหม ได้อำนาจการสั่งซื้อและสั่งจ้างครั้งหนึ่งสำหรับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม โดยกำหนดว่าการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือก อำนาจการสั่งซื้อสั่งจ้างเจ้ากรมสรรพาวุธทหารเรือมีอำนาจไม่เกิน 20 ล้านบาท ดังนั้นการจัดซื้อเป้าบินดังกล่าวจึงอยู่ในอำนาจผู้บัญชาการทหารเรือ มิใช่เจ้ากรมสรรพาวุธทหารเรือแต่อย่างใด

 

กรณีบริษัทที่เสนอราคาไม่ได้เป็นบริษัทผู้แทนจากบริษัทต่างประเทศโดยถูกต้องนั้น กรมสรรพาวุธทหารเรือได้พิจารณาคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอแล้วเป็นไปตามคำวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างฯ (ว 521) ที่ได้กำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะยื่นข้อเสนอว่า กรณีเป็นตัวแทนจำหน่ายต้องยื่นหนังสือแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายที่ต้องได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายจากผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย

 

ในสัญญานี้คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างของกรมสรรพาวุธทหารเรือได้ตรวจสอบเอกสารและหลักฐานทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นไปตาม ว 521 ครบถ้วนทุกประการ โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ต้องได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย นอกจากนี้เหตุผลในการจัดซื้อในครั้งนี้มีการแก้ไขสัญญาหลายรอบ ขอชี้แจ้งว่า การจัดซื้อฯ ครั้งนี้ลงนามในสัญญาเมื่อ 10 มีนาคม 2563 ซึ่งอยู่ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมทั้งตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2562 ซึ่งกำหนดให้ใช้งบประมาณที่กำหนดภายใน 1 ปี (30 กันยายน 2563) และสามารถกันงบประมาณปี 2562 ได้อีก 6 เดือน พร้อมขยายต่อได้อีก 6 เดือน

 

จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขสัญญา เพื่อให้การบริหารงบประมาณเป็นไปอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีการแก้ไขจำนวน 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2563 เป็นการแก้ไขการฝึกอบรม เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ จึงขอปรับจากการเรียน ณ ประเทศผลิต เป็นการเรียนออนไลน์จากบริษัทผู้ผลิต และครั้งที่ 2 เมื่อ 30 ธันวาคม 2563 เป็นการแก้ไขวันส่งมอบและงวดงาน เนื่องจากยังคงมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อให้การบริหารงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำการตัดงวดชำระเงิน โดยแบ่งเงินจาก 85% ที่เหลือ ออกเป็น 4 งวด ปัจจุบันเหลืองวดงานสุดท้าย จำนวน 2.485 ล้านบาท ซึ่งเป็นงาน Setting to Work ที่ต้องมีวิศวกรจากประเทศผู้ผลิตมาติดตั้ง

 

สำหรับประเด็นเหตุใดการจ่ายเงินในการจัดซื้อฯ ครั้งนี้มีการจ่ายเงินงวด FAT (Factory Acceptance Test) และงวดส่งของ (Transfer) ทั้งที่ไม่เคยมีหน่วยไหนทำมาก่อน รวมทั้งสาเหตุที่กรมสรรพาวุธทหารเรือขอให้ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือประจำแคนเบอร์รา ทำการ FAT แทนคณะกรรมการจากกรมสรรพาวุธทหารเรือ และการฝึกอบรมไม่ได้มาจากบริษัทผู้ผลิตนั้น เนื่องจากห้วงการทำ FAT อยู่ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และกรมสรรพาวุธทหารเรือได้จัดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการอบรมกับบริษัทผู้ผลิตผ่านระบบออนไลน์ เมื่อ 19-30 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา

 

การดำเนินการปัจจุบัน ทางบริษัท Air Affair ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทประเทศผู้ผลิต ได้ถูกซื้อกิจการจากบริษัท QinetiQ ของอังกฤษ เมื่อช่วงปลายปี 2565 โดยขณะนี้ทางบริษัท QinetiQ กำลังเร่งทำหนังสือเพื่อแต่งตั้งให้บริษัทซีซีจี เป็นตัวแทนในประเทศไทย และจะสามารถส่งวิศวกรมาทำการ Setting to Work ได้ภายในเดือนมิถุนายน 2566 ซึ่งพ้นระยะการส่งมอบของตามสัญญาที่กำหนดไว้ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 โดยจะต้องเสียค่าปรับ ซึ่งทางบริษัทซีซีจี ยินยอมจะเสียค่าปรับดังกล่าว ทั้งนี้ หากเสียค่าปรับไปแล้วเกิน 10% และส่งของไม่เรียบร้อย กรมสรรพาวุธทหารเรือจะพิจารณายกเลิกสัญญาพร้อมเรียกเงินคืน เพื่อไม่ให้กองทัพเรือและกรมสรรพาวุธทหารเรือได้รับความเสียหายต่อไป

 

พล.ร.อ. ปกครอง ยืนยันว่า การจัดหายุทโธปกรณ์ต่างๆ นั้น กองทัพเรือมีนโยบายในการจัดหาด้วยความโปร่งใส มีเอกสารหลักฐานการดำเนินงานอย่างชัดเจน มีขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยกองทัพเรือมุ่งมั่นที่จะพัฒนากองทัพให้มีความทันสมัย เข้มแข็ง สามารถปฏิบัติภารกิจในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับประชาชนและประเทศชาติ โดยคำนึงถึงการใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด โปร่งใส และตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.ร.อ. เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ได้มอบไว้ให้หน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising