วันนี้ (14 มีนาคม) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาต่อรองวันและเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยระบุว่า ไม่ใช่ว่าเราไม่ยอมเจรจาพูดคุยกับฝ่ายรัฐบาล กรอบ 30 ชั่วโมง เป็นกรอบเนื้อหาที่เรายืนยันว่ามีเท่านี้ ถ้าน้อยกว่านี้จะทำให้เนื้อหาที่เตรียมมาตกหล่น ขณะเดียวกัน ฝั่งรัฐบาลก็มีกรอบของเขา ไม่ยอมถอยให้เราก้าวหนึ่ง จึงเป็นที่มาที่ไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้
สำหรับข้อเสนอกรอบเวลา 20+10 คือให้เวลาฝ่ายค้านอภิปราย 20 ชั่วโมง และรัฐบาลมีเวลาชี้แจง 10 ชั่วโมง ณัฐพงษ์มองว่าหากใช้กรอบนี้จริง 2 วันก็ไม่พอ เพราะการประชุม 1 วันใช้เวลา 15 ชั่วโมงแล้ว หากใช้ 2 วัน จะเป็น 30 ชั่วโมงพอดี ซึ่งไม่ได้เผื่อเวลาสำหรับการประท้วงหรือให้ประธานวินิจฉัยแต่อย่างใด มุมมองของพวกเราจึงยืนยันว่า ควรต้องขยายกรอบวางประชุมซึ่งต้องให้รัฐบาลไปหารือกัน
“สัปดาห์หน้าผมคาดหวังว่าจะได้ข้อสรุป แต่ถ้ายังไม่ทันก็ยังพอมีกรอบเวลาอยู่ เรายังอยากเห็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นในสมัยประชุมนี้ ไม่อยากให้รัฐบาลเอาเรื่องกรอบวันและเวลามาทำให้เราเดินหน้าต่อไม่ได้”
ณัฐพงษ์ยอมรับว่า การนำชื่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากญัตติ ถือว่าสะเด็ดน้ำแล้ว แต่ขอยังไม่เปิดเผยเรื่องการปรับคำ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับการต่อรองเวลาการอภิปราย จึงขอประชุมร่วมกันกับรัฐบาลและจะส่งญัตติแก้ไขกลับไปทีเดียว
“ผมคิดว่าสิ่งที่สังคมไม่อยากเห็นคือ ในเมื่อตอนนี้จะให้ปรับถ้อยคำเราก็ยอม เพราะฉะนั้นก็อยากจะเห็นรัฐบาลเปิดโอกาสให้พวกเราอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อย่างเต็มที่”
อย่างไรก็ตาม ณัฐพงษ์คิดว่าการเลือกใช้คำก็ส่งผลกับการที่รัฐบาลจะยอมหรือไม่ยอมให้เดินหน้าต่อ หากดูจากท่าทีของ สส. พรรคเพื่อไทย จะเห็นได้ว่าการใช้คำมีส่วนสำคัญที่เขาจะให้เราเดินหน้าต่อหรือไม่ นอกจากนี้เมื่อผู้นำฝั่งรัฐบาลอย่างนายกรัฐมนตรีได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่มีปัญหากับการขอเวลาอภิปราย 30 ชั่วโมงของฝ่ายค้าน ซึ่งที่จริงมีการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่าอภิปราย 1 เดือนก็ได้
“ในเมื่อนายกรัฐมนตรีไฟเขียว อยากมาตอบชี้แจงด้วยตัวเองขนาดนี้ ผมก็คิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ฝั่งรัฐบาลจะต้องมากั๊กเวลากับพวกเรา” ณัฐพงษ์กล่าว
