วันนี้ (5 มกราคม) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นปิดการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ว่า ตนเคยเป็นโหวตเตอร์ของพรรคเพื่อไทย เพราะมองว่ารัฐบาลในขณะนั้นเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลง สามารถดำเนินนโยบายของรัฐควบคู่กับการปฏิรูประบบงบประมาณและการบัญชีภาครัฐ จนทำให้นโยบายประสบความสำเร็จ
ณัฐพงษ์กล่าวว่า แต่แรงส่งเดิมและบุญเก่ากำลังจะส่งมาไม่ถึงรัฐบาลชุดนี้ เพราะมีมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ค้ำคออยู่ เป็นกฎหมายที่ทำให้รัฐบาลคิดใหญ่ทำไม่เป็น หรือคิดไปทำไป หรือคิดอย่างทำอย่าง หรืออาจจะตกม้าตาย ยกตัวอย่าง โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งตอนนี้ต้องหวังพึ่งการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท และรอความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา หากบอกว่าทำได้รัฐบาลก็รอดตัว แต่ถ้ากฤษฎีกาบอกว่าทำไม่ได้ รัฐบาลคงไม่กล้าเสี่ยง และกลับไปพึ่งมาตรการกึ่งการคลังซึ่งไม่เหลือพื้นที่แล้วเพราะมาตรา 28 จึงเป็นเหตุผลที่ต้องให้ความสำคัญกับการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2567
ณัฐพงษ์กล่าวด้วยว่า สมาชิกได้อภิปรายให้เห็นแล้วว่า การจัดทำงบประมาณไม่ตอบสนองต่อวิกฤตของประเทศ และไม่สะท้อนนโยบายของรัฐบาล ทั้งวิกฤตทางการคลัง วิกฤตด้านความสามารถในการแข่งขัน วิกฤตสิ่งแวดล้อมที่กำลังเผชิญกับปัญหา PM 2.5 และวิกฤตสุดท้ายคือวิกฤตงบไม่ตรงปก นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมบุญเก่าถึงส่งมาไม่ถึงรัฐบาลปัจจุบัน และการจัดทำงบประมาณในปีนี้ก็เข้าขั้นวิกฤต
เสนอ 5 แนวทางสร้างบุญใหม่
ณัฐพงษ์ยังเสนอให้สร้างบุญใหม่ ประกอบด้วย
- ให้จัดทำงบประมาณอย่างโปร่งใส
- ขอให้นายกรัฐมนตรีปฏิรูปกระบวนการอนุมัติงบประมาณ
- มาตรการเชิงนโยบายในการจัดทำงบปี 2568 ควรจะมีการพิจารณาว่าจะตั้งงบประมาณให้กับโครงการใด
- งบประมาณฐานศูนย์ ให้สามารถจำแนกได้ว่างบใดเป็นงบที่จัดทำขึ้นใหม่ และงบใดที่เป็นงบผูกพัน
- การจัดงบประมาณโดยเอาภารกิจนำ
ณัฐพงษ์กล่าวว่า ขอฝากนายกรัฐมนตรีว่า พรรคก้าวไกลเตรียมจะเสนอ พ.ร.บ. ยกสถานะสำนักงบประมาณให้เป็นองค์กรอิสระ และสามารถเข้าถึงงบประมาณแผ่นดิน แต่วันนี้สำนักงบประมาณ หน่วยงานแดนสนธยาที่มีอำนาจล้นฟ้าก็ยังไม่ให้ข้อมูลการของบประมาณ 5 ล้านล้านบาท จึงอยากขอฝากให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้สำนักงบประมาณส่งข้อมูลดังกล่าวตามคำขอด้วย เนื่องจากนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังโดยตรง จะพูดว่ากระทรวงการคลังทำได้ แต่สำนักงบประมาณทำไม่ได้ พร้อมแนะไม่ควร 2 มาตรฐาน
นายกฯ ต้องบริหารงบให้เป็น
ณัฐพงษ์กล่าวว่า ตนและพรรคก้าวไกลได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของประเทศ และได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า พรรคเพื่อไทยในยุคนี้ต่างจากพรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักไทยในอดีต ดังนั้นวันนี้รัฐบาลต้องบริหารประเทศด้วยงบประมาณให้เป็น วันนี้นายกรัฐมนตรีได้รับโอกาสครั้งแรกในชีวิต จึงขอให้ทำให้สมกับที่เคยพูดว่าท่านเป็นตัวจริง
เชื่อรัฐบาลถูกบดขยี้ด้วยฉันทามติประชาชน
“การอภิปรายร่างงบประมาณฯ ปี 2567 พรรคก้าวไกลไม่ได้หวังทำร้ายนายกฯ แต่เป็นการมาซ้อมมือเพื่อเอาชนะท่าน เราจะเอาชนะท่านด้วยการทำงานที่มีคุณภาพ และข้อเสนอในการบริหารประเทศที่ดีกว่า เราจะเอาชนะท่านด้วยการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ทำงานอย่างเข้าใจปัญหา และรู้วิธีแก้ไขปัญหาไม่แพ้ท่าน เพื่อแข่งกันเอาชนะใจประชาชนผ่านเวทีทางการเมือง แม้ว่าพวกผมจะชนะการเลือกตั้ง แต่แพ้ในการจัดตั้งรัฐบาลผ่านกติกาปัจจุบัน วันนี้อำนาจอยู่ในมือท่าน ขอให้ทำให้ดี เพราะตนเชื่อว่าผู้แพ้จากการทำหน้าที่ของตัวเอง จะถูกบดขยี้ด้วยฉันทามติของประชาชนในอีก 4 ปีข้างหน้า” ณัฐพงษ์กล่าว