วันนี้ (8 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีที่ส่งช่อดอกไม้ไปแสดงความยินดีกับ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า เป็นระเบียบปฏิบัติปกติของทางเจ้าหน้าที่สภาฯ นำเรียนตามข้อเท็จจริงว่า ไม่ได้สั่งการเอง แต่ส่งไปตามระเบียบ เหมือนกับตอนที่แสดงความยินดีกับประธานสภาฯ หรือรองประธานสภาฯ ได้รับการแต่งตั้ง คิดว่าไม่ได้ติดขัดอะไร
สำหรับการจัดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 นั้น ณัฐพงษ์แสดงความเห็นว่า ต้องปล่อยไปตามกระบวนการจนกว่าจะมีการถวายสัตย์ รวมถึงการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา พรรคประชาชนทำหน้าที่ฝ่ายค้านการโผ ครม. อยู่ที่อนุทินคนเดียว เราไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ เพราะหากเราไปยุ่งเกี่ยว เส้นแบ่งการทำหน้าที่ฝ่ายค้านกับรัฐบาลก็ไม่ถูกต้อง ชื่อหรือโผ ครม. ที่ออกมาอาจจะยังไม่นิ่ง
“ผมยืนยันตั้งแต่วันนี้ว่า การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของนายกรัฐมนตรีที่ชื่ออนุทิน พรรคประชาชนยังทำอย่างเต็มที่ ไม่ออมมือแน่นอน” ณัฐพงษ์กล่าว
จับตาดูรัฐบาลทุกย่างก้าว ไม่มีออมมือ
ณัฐพงษ์ยังฝากถึงอนุทินว่า อยากให้ดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามสัญญาที่เซ็นไว้ใน MOA และทุกย่างก้าวของรัฐบาลต่อจากนี้ประชาชน รวมถึงพรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้านจับตาดูอยู่ หากทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหรือใช้อำนาจบริหารในทางไม่ชอบ เราคงสามารถรอมชอมได้ จะเดินหน้าตรวจสอบและใช้กระบวนการในสภาอย่างเต็มที่
ส่วนที่มี สส. พรรคประชาชนดักทางไว้ก่อนว่า ไม่เอารัฐมนตรีที่มาจากการค้ามนุษย์ หมายถึงใคร ณัฐพงษ์กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ สส. พรรคประชาชนสามารถให้ความเห็นได้ ส่วนตัวยังไม่ขอแสดงความเห็น รอการประกาศอย่างเป็นทางการและแถลงนโยบายต่อรัฐสภาถึงจะเป็นการนับหนึ่งของการทำงานของ ครม. ใหม่ และพรรคประชาชนก็จะเดินหน้าตรวจสอบในวันนั้น
“เราโหวตเลือกคุณอนุทินให้ยุบสภา ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี การตัดสินใจเป็นของคุณอนุทิน เราพร้อมเดินหน้าตรวจสอบ ครม. ชุดใหม่” ณัฐพงษ์กล่าว
ส่วนความกังวลในการแต่งตั้งรัฐมนตรีไม่ตรงตำแหน่ง ซึ่งพรรคประชาชนพูดมาโดยตลอดว่าต้องใช้คนให้ถูกที่ มีข้อกังวลหรือไม่ ณัฐพงษ์กล่าวว่า มีข้อห่วงใยแบบประชาชนทั่วไป ส่วนตัวต้องการเห็น ครม. ที่มีความรู้ความสามารถ ของดให้ความเห็น เพราะถ้าพูดไปในฐานะหัวหน้าพรรค จะเป็นการจัด ครม. ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควร รอแค่ถวายสัตย์และแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ส่วนเมื่อฟังแถลงของอนุทินครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง ณัฐพงษ์ กล่าวว่าอยู่ในกรอบที่มีการตกลงกันใน MOA อยากให้อนุทินเดินหน้าทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน
ดักทางเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบหรือล้างแค้น
สำหรับกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า หากรัฐบ่ล แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที พรรคประชาชนจะร่วมอภิปรายด้วยหรือไม่ ณัฐพงษ์กล่าวว่า กว่าจะถึงการแถลงนโยบายอาจใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน ไทม์ไลน์อยู่ที่ประมาณปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม จึงยังเร็วไปที่จะบอกว่า เมื่อมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจออกมา แล้วพรรคประชาชนจะดำเนินการไปทางใด
“หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้ามาเมื่อไร เราพร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มที่ไม่มีออมมือแน่นอนในฐานะฝ่ายค้าน แต่ขณะเดียวกัน ต้องถามกลับไปยังพรรคเพื่อไทยที่มีจำนวน สส. เพียงพอในการยื่นไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 ว่า จะใช้กลไกที่สำคัญที่พรรคฝ่ายค้านเสียงข้างมากจะใช้เป็นกลไกในการควบคุมรัฐบาลเสียงข้างน้อยให้เดินไปตาม MOA เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด เป็นการตรวจสอบจริงๆหรือเป็นการล้างแค้นกันทางการเมือง สิ่งที่ประชาชนต้องการตอนนี้คือการเดินหน้าทำงานในสภาฯ ที่ฝ่ายค้านมีความเข้มแข็ง เพื่อยุบสภาภายใน 4 เดือนและแก้รัฐธรรมนูญ” ณัฐพงษ์ระบุ
ขณะที่จะทำงานฝ่ายค้านร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่นั้น ณัฐพงษ์กล่าวว่า รัฐสภาจะกลายเป็นเสาหลักในการผลักดันวาระของประเทศ เพราะรัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อย สิ่งที่ทุกพรรคควรจะมีสมาธิอย่างเต็มที่ในช่วงกรอบเวลา 4 เดือน คือการใช้เสียงของ สส. ของตัวเองในสภาฯ อย่างไรเพื่อให้ประเทศเดินหน้า มากกว่าใช้ทำลายล้างกัน
ส่วนฉากทัศน์ที่ประเมินกันว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะไม่อยู่เป็นองค์ประชุม แต่เสียงของรัฐบาลก็มีน้อยเกิน ทำให้พรรคประชาชนต้องแบกรัฐบาลหรือไม่ ณัฐพงษ์ระบุว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปแบก ในทางปฏิบัติเมื่อมีความเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย กฎหมายที่เสนอโดยรัฐมนตรีและกังวลว่าจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้าน ก็จะไม่มีการเสนอตั้งแต่แรก สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นกฎหมายที่พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย หรือพรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยกับพรรคประชาชน หรือพรรคประชาชนเห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย 3 รูปแบบนี้เท่านั้น ที่จะทำให้กฎหมายผ่านสภาฯ ได้