องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO (North Atlantic Treaty Organization) เริ่มต้นการฝึกซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 35 ปี ตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ภายหลังเรือรบ USS Gunston Hall ได้ออกเดินทางจากสหรัฐฯ มุ่งหน้าข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังน่านน้ำของประเทศสมาชิกในยุโรป
NATO เผยว่าปฏิบัติการฝึกซ้อมรบครั้งใหญ่นี้ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า ‘Steadfast Defender 24’ จะมีขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงเดือนพฤษภาคม โดยมีกำลังทหารเข้าร่วมกว่า 9 หมื่นนาย พร้อมด้วยเรือกว่า 50 ลำ รวมถึงเรือพิฆาตและเรือบรรทุกเครื่องบิน ตลอดจนเครื่องบินขับไล่ เฮลิคอปเตอร์ โดรน กว่า 80 ลำ และยานพาหนะสู้รบทางบก 1,100 คัน ซึ่งรวมถึงรถถัง 133 คัน และยานรบทหารราบ 533 คัน
โดยการฝึกซ้อมรบจะเป็นการดำเนินการตามแผนป้องกันระดับภูมิภาคของ NATO ซึ่งเป็นแผนป้องกันแรกที่ NATO ร่างขึ้นในรอบหลายทศวรรษ โดยมุ่งเน้นการรับมือการโจมตีของรัสเซีย
ทำไมการฝึกซ้อมรบนี้จึงสำคัญ
NATO ไม่ได้ระบุชื่อรัสเซียอย่างชัดเจนในประกาศแผนซ้อมรบ แต่เอกสารทางยุทธศาสตร์ระดับสูงระบุว่า ‘รัสเซียเป็นภัยคุกคามโดยตรงที่ใหญ่ที่สุดต่อความมั่นคงของสมาชิก NATO’
การฝึกซ้อมรบครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้ครบรอบ 2 ปีที่รัสเซียส่งกองทัพรุกรานยูเครน ซึ่งก่อให้เกิดสงครามที่คร่าชีวิตผู้คนในยุโรปมากที่สุดในรอบกว่า 70 ปี และทำให้เกิดวิกฤตผู้อพยพจากการที่ชาวยูเครนกว่า 8 ล้านคนต้องหนีการสู้รบออกนอกประเทศ ขณะที่ส่งผลกระทบในวงกว้างไปยังทั่วโลก ทั้งในเชิงเศรษฐกิจและวิกฤตขาดแคลนอาหาร
คำเตือนของรัสเซีย
ก่อนหน้านี้ อเล็กซานเดอร์ กรุชโค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย เผยต่อสื่อท้องถิ่นเกี่ยวกับการฝึกซ้อมรบของ NATO โดยชี้ว่าเป็นการหวนคืนของแผนสงครามเย็นที่ ‘ไม่อาจล้มเลิกได้’
“การฝึกซ้อมเหล่านี้เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งของสงครามลูกผสมระหว่างตะวันตกกับรัสเซีย การฝึกในระดับนี้ถือเป็นการหวนคืนของ NATO สู่แผนสงครามเย็นครั้งสุดท้ายที่ไม่อาจล้มเลิกได้ เมื่อมีกระบวนการวางแผนทางทหาร ทรัพยากร และโครงสร้างพื้นฐาน กำลังถูกเตรียมสำหรับการเผชิญหน้ากับรัสเซีย” เขากล่าว
ขณะที่เขามองว่าการฝึกซ้อมรบเช่นนี้เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งของสงครามลูกผสม (Hybrid Warfare) ที่ชาติตะวันตกใช้ต่อต้านรัสเซีย พร้อมทั้งเตือนว่าการฝึกซ้อมรบใหญ่ของ NATO นั้นอาจเป็นการ ‘ยั่วยุ’ และ ‘เพิ่มความเสี่ยงทางทหาร’ ซึ่งอาจบั่นทอนสถานการณ์ความมั่นคงที่เป็นอยู่ให้เลวร้ายลง
ภาพ: REUTERS
อ้างอิง: