วานนี้ (16 พฤศจิกายน) เจ้าหน้าที่จากโปแลนด์และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO เปิดเผยว่า เหตุขีปนาวุธตกที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตชายแดนของโปแลนด์นั้น คาดว่าเป็นขีปนาวุธจากการยิงป้องกันทางอากาศของยูเครน ไม่ใช่การโจมตีจากรัสเซีย ซึ่งช่วยคลายความวิตกกังวลที่ว่า ชาติตะวันตกอาจจะต้องเข้ามามีส่วนข้องเกี่ยวกับสงครามระหว่างสองชาติ
ประธานาธิบดีอันด์แชย์ ดูดา แห่งโปแลนด์ กล่าวว่า “จากข้อมูลที่เราและพันธมิตรได้มา ขีปนาวุธดังกล่าวเป็นขีปนาวุธรุ่น S-300 ที่ผลิตในสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นขีปนาวุธรุ่นเก่า และยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าถูกยิงมาจากฝั่งรัสเซีย ฉะนั้นจึงเป็นไปได้สูงว่าขีปนาวุธยิงมาจากระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน” ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการ NATO ที่พูดในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการของ NATO ยังคงกล่าวตำหนิรัสเซีย ฐานเป็นผู้ริเริ่มสงคราม ด้วยการเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และได้ยิงขีปนาวุธหลายลูกเมื่อวันอังคาร (15 พฤศจิกายน) ซึ่งทำให้ยูเครนต้องเปิดระบบป้องกัน
สโตลเทนเบิร์กเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในกรุงบรัสเซลส์ ว่า “นี่ไม่ใช่ความผิดของยูเครน รัสเซียเป็นฝ่ายที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบขั้นสูงสุด หลังจากที่ยังคงเดินหน้าทำสงครามที่ผิดกฎหมายในยูเครน”
แต่ถึงเช่นนั้น ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ได้ออกมากล่าวปฏิเสธ โดยระบุว่า “ผมมั่นใจว่านั่นไม่ใช่ขีปนาวุธของเรา” พร้อมกล่าวว่า เขาได้รับรายงานสรุปจากกองทัพยูเครน และเรียกร้องให้ยูเครนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุในโปแลนด์ เพื่อเสาะหาข้อเท็จจริงต่อไป
ในฝั่งของสหรัฐอเมริกานั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า “เรารับทราบความคิดเห็นของประธานาธิบดีเซเลนสกี…แต่เราไม่มีข้อมูลใดๆ ที่ขัดแย้งกับข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของโปแลนด์”
ทั้งนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เกิดเหตุขีปนาวุธลูกหนึ่งตกในหมู่บ้านเพรซโวดาว (Przewodow) ของโปแลนด์ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนยูเครนประมาณ 6 กิโลเมตร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่รัสเซียกระหน่ำยิงขีปนาวุธจำนวนมากใส่หลายเมืองของยูเครน เพื่อหวังโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ขณะที่ฝั่งของยูเครนระบุว่า กองทัพได้ยิงสกัดขีปนาวุธจำนวนมากของรัสเซียด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งในแคว้นโวลินที่มีพรมแดนติดกับโปแลนด์นั้น เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ยูเครนระบุว่าตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของรัสเซียด้วย
ภาพ: Wojtek Radwanski / AFP
อ้างอิง: