วันนี้ (20 มิ.ย.) มีการประชุมมหาเถรสมาคม ซึ่งมีรายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.ท. พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) จะแถลงข่าวด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการดำเนินคดีกับพระผู้ใหญ่กรณีทุจริตเงินทอนวัด ท่ามกลางกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่างพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคมกับ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา
โดยหลังการประชุม พ.ต.ท. พงศ์พร ได้แถลงข่าว มีกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน พร้อมเครือข่ายชาวพุทธ นำโดย ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ และทนายวรกร พงศ์ธนากุล เข้าร่วมฟังด้วย
ช่วงหนึ่ง ดร.จรูญ ได้สอบถามเรื่องการดำเนินคดีว่า ทำไมพระสงฆ์ต้องโดนเล่นงานฝ่ายเดียวและถูกจับสึกโดยไม่มีโอกาสชี้แจง ทั้งที่เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้เสนองบประมาณให้ โดยพระสงฆ์ทั่วไปอาจจะไม่ทราบขั้นตอนทางการเงิน
พ.ต.ท. พงศ์พร ชี้แจงว่า การที่ตำรวจจะดำเนินคดีกับใครจะต้องมีหลักฐาน โดยในส่วนคดีจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. การจัดสรรงบประมาณโดยไม่ชอบ ผู้ต้องรับผิดคือ เจ้าหน้าที่ พศ. ส่วนบุคคลอื่นไม่ว่า จะเป็นบรรพชิตหรือฆราวาสที่เกี่ยวข้อง จะผิดในฐานะผู้สนับสนุน อำนาจในการดำเนินคดีส่วนนี้เป็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อตำรวจสอบแล้วต้องส่ง ป.ป.ช. หลังจากนั้น ป.ป.ช. จะไต่สวนและวินิจฉัยก่อนส่งอัยการต่อไป หรือถ้า ป.ป.ช. ส่งให้ตำรวจทำ เมื่อสอบเสร็จแล้วก็ต้องส่งให้อัยการเช่นกัน
ส่วนที่ 2. เงินที่เป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำผิด เกี่ยวข้องกับกฎหมายฟอกเงิน การยักย้ายถ่ายเทถือเป็นความผิด เมื่อเงินนั้นไปที่วัดและพระสงฆ์เป็นผู้ยักย้ายถ่ายเท จึงมีแต่พระที่ถูกดำเนินคดี ส่วนความเข้าใจผิดที่ว่าตำรวจเข้ามาแทรกแซงหน้าที่ ป.ป.ช. นั้น จริงๆ แล้วอำนาจในการดำเนินคดีฟอกเงินเป็นคดีอาญาตามปกติเป็นหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าวันที่ 25 มิถุนายนนี้ มีข่าวพระชั้นผู้ใหญ่รวมตัวเพื่อคว่ำบาตรรัฐบาล และ ผอ.พศ. นั้น พ.ต.ท. พงศ์พร กล่าวว่า “ถ้าพระผู้ใหญ่มาผมจะไปกราบท่าน แต่จากพุทธธรรมไม่มีหลักใดเสนอให้ใช้ความรุนแรง”
ส่วนกรณีมีผู้ไปฟ้องเพื่อเอาผิด ผอ.พศ. ในความผิดฐาน ม.157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจากการร้องทุกข์กล่าวโทษพระชั้นผู้ใหญ่ จนมีการดำเนินคดี พ.ต.ท. พงศ์พร กล่าวว่า ไม่ต้องการพูดอะไรที่จะไปดูหมิ่นอีกฝ่าย แต่ถ้าไม่ผิดก็อย่าไปกลัวเลย
“ที่ท่านเห็นนั่งอยู่นี่เห็นเป็นเสือ หรือเป็นสิงห์เหรอครับ ผมเป็นยักษ์เป็นมารหรือเป็นปีศาจเหรอครับ ผมก็เป็นชาวพุทธ แม้นามกุลจะพราหมณ์เสน่ห์ เขาก็บอกว่าผมเป็นพราหมณ์ แต่ไปดูทะเบียนบ้านผมเป็นพุทธครับ ผมก็เป็นชาวพุทธคนหนึ่งครับ”
พ.ต.ท. พงศ์พร ตอบคำถามเมื่อนักข่าวขอให้ชี้แจงกรณีที่มีพระสงฆ์และกลุ่มชาวพุทธบางกลุ่มกล่าวหาว่า ผอ.สำนักพุทธศาสนา เป็นผู้สร้างความขัดแย้งและแตกแยกในหมู่คณะสงฆ์