×

แนต ฟิลลิปส์ ตัวแทนของคำว่า ‘ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร’ จนชนะใจเดอะค็อปทั้งโลก

11.03.2021
  • LOADING...
แนต ฟิลลิปส์ ตัวแทนของคำว่า ‘ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร’ จนชนะใจเดอะค็อปทั้งโลก

โบราณท่านว่า ‘สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ’ และดูเหมือนเราจะได้เห็นสิ่งนี้อีกครั้งในฤดูกาลที่เลวร้ายเกินห้ามใจของลิเวอร์พูล

 

ไม่มีใครคิดว่าทีม ‘หงส์แดงตะแคงฟ้า’ ที่เพิ่งจะกวาดทั้งแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก แชมป์สโมสรโลก และแชมป์พรีเมียร์ลีก จะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างเหลือเชื่อ โดยเฉพาะในลีกที่เปลี่ยนจากทีมจ่าฝูงในช่วงวันคริสต์มาสมาเป็นทีมอันดับ 8 ตามหลังจ่าฝูงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไกลถึง 25 คะแนน! และโอกาสลุ้นชิงพื้นที่ Top 4 กลายเป็นเรื่องที่อาจจะเป็นไปไม่ได้แล้ว

 

รากเหง้าของปัญหาเกิดจากการบาดเจ็บของเสาหลักในเกมรับอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค​ ที่พักยาวตั้งแต่เดือนตุลาคม เท่านั้นไม่พอ ยังเสีย โจ โกเมซ ตามไปในเวลาไม่นาน ขณะที่ โจเอล มาติป ซึ่งเป็นนักเตะที่สภาพร่างกายเปราะบางอยู่แล้วก็เป็นเซ็นเตอร์ตัวหลักรายสุดท้ายที่บาดเจ็บยาว ปิดม่านฤดูกาลไปในเดือนมกราคม

 

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมนี จึงต้องแก้ไขปัญหาด้วยการสลับผู้เล่นในแนวรับให้วุ่นไปหมด โดยมีการใช้คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟถึง 20 คู่ในฤดูกาลเดียว ซึ่งเป็นตัวเลขที่เหลือเชื่ออย่างมาก

 

นักเตะที่เป็นเสาหลักในแดนกลางอย่าง ฟาบินโญ จำเป็นต้องลงมาช่วยทีม เช่นเดียวกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่ฝืนสู้จนผลัดกันเจ็บ (โดยเฉพาะรายหลังที่เจ็บยาวอีก 4-8 สัปดาห์)​ 

 

ในเดือนมกราคมที่ผ่านมามีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยผู้เล่นใหม่อย่าง เบน เดวิส และโอซาน คาบัค แต่ก็มีเพียงรายหลังที่ได้ลงสนาม โดยรายแรกยังไม่ได้สัมผัสเกมแม้แต่นาทีเดียว

 

อย่างไรก็ดี ในวิกฤตของลิเวอร์พูล มีนักเตะรายหนึ่งที่เริ่มต้นจากการเป็นตัวสำรองของสำรองอีกที แต่เวลานี้กำลังเป็นผู้เล่นที่ชนะใจของเดอะค็อปทุกคนทั่วโลก โดยเฉพาะในเกมนัดล่าสุดที่ยืนหยัดจัดการเกมรุกของทีมอันตรายอย่างแอร์เบ ไลป์ซิก ได้อย่างอยู่หมัดในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 

 

นักเตะคนดังกล่าวคือ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ หรือแนต ฟิลลิปส์ ปราการหลังที่ดูจากหน้าแล้วจะไม่รู้เลยว่าอายุเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้น

 

ในเกมกับไลป์ซิกซึ่งต้องไปแข่งกันที่สนามปุสกัสอารีนา ที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ฟิลลิปส์สามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ จัดการเกมรุกของไลป์ซิกอยู่หมัด แทบจะลบภาพลิเวอร์พูล ทีมที่มีเกมรับเปื่อยเหมือนทิชชู่เปียกน้ำที่ผ่านมาได้จนหมด เป็นฟอร์มที่น่าจะดีที่สุดนับตั้งแต่ได้โอกาสลงเล่นกับทีมมา และทำให้ได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วสารทิศ 

 

มีการยกย่องแบบชวนยิ้มกันว่านี่คือ ‘บาเรซีแห่งโบลตัน’ (Bolton Baresi) ซึ่งเป็นการยกย่องเปรียบเทียบว่าเป็นเหมือน ฟรังโก บาเรซี ตำนานปราการหลังที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลกชาวอิตาลี

 

ที่ต้องบอกว่าเป็นโบลตันนั้นเพราะฟิลลิปส์เป็นชาวเมืองโบลตันมาก่อน และอยู่กับอคาเดมีของทีม ‘เดอะ ทร็อตเตอร์ส’ มาตั้งแต่เด็ก

 

เส้นทางชีวิตของเขาหวือหวาตั้งแต่เริ่ม เมื่อตัดสินใจที่จะลาออกจากอคาเดมีของโบลตันในปี 2016 และไปซ้อมกับทีมฮัดเดอร์สฟิลด์ทาวน์ ซึ่งในช่วงนั้นเขาได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนาที่สหรัฐอเมริกา

 

แต่ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อแค่ 2 วัน เขาได้รับการติดต่อจากลิเวอร์พูล และตัดสินใจที่จะเดินตามความฝันในการเป็นนักฟุตบอลต่อ

 

ฟิลลิปส์ใช้เวลา 2 ปีในทีมอคาเดมี ก่อนจะได้รับการเรียกตัวให้ขึ้นชุดใหญ่ในปี 2018 ซึ่งแม้จะยังไม่มีโอกาสได้ลงสนาม แต่ก็ได้อยู่ในทีมชุดคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 2019 โดยมีชื่อในนัดชิงชนะเลิศด้วย แม้จะไม่มีโอกาสได้ลงเล่น แต่ก็ได้ฉลองแชมป์ที่มาดริด

 

จากนั้นชีวิตก็ถึงจุดพลิกผัน เมื่อต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการเล่น ลิเวอร์พูลจึงส่งให้สตุ๊ตการ์ต สโมสรในบุนเดสลีกา 2 ใช้งานในฤดูกาล 2019-20 

 

แต่เขาก็อยู่กับทีม ‘ม้าขาว’ ได้ไม่นาน เมื่อลิเวอร์พูลตัดสินใจขอเรียกตัวกลับมาในเดือนธันวาคม ปี 2019 เนื่องจากเวลานั้นทีมเริ่มประสบปัญหาตัวผู้เล่นขาดแคลนในแนวรับ ซึ่งเมื่อกลับมา เขาได้โอกาสในการลงเล่นให้ทีมนัดแรกในเกมเอฟเอคัพ รอบที่ 3 ในเกมใหญ่ศึก ‘เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี’ 

 

เกมนั้นลิเวอร์พูลใช้ผู้เล่นดาวรุ่งหลายราย ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น และสามารถสร้างผลงานได้ดีโดยทีมสามารถเอาชนะได้ แต่เมื่อสถานการณ์ในแนวรับของทีมเริ่มคลี่คลาย เขาก็ถูกส่งตัวกลับไปให้สตุ๊ตการ์ตยืมใช้งานอีกครั้งจนจบฤดูกาล

 

จนช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา คล็อปป์ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไม่เก็บฟิลลิปส์เอาไว้กับทีม และพร้อมจะปล่อยออกไป แม้ว่าทีมจะเสีย เดยัน ลอฟเรน กองหลังตัวหลักออกไป 1 รายก็ตาม เพราะเชื่อว่าจะสามารถใช้ฟาบินโญทดแทนได้ และมี บิลลี่ คูเมติโอ กองหลังดาวรุ่งร่างยักษ์ที่โดดเด่นในช่วงพรีซีซันอีกราย

 

ในช่วงปิดฤดูกาล ฟิลลิปส์จึงรอโอกาสที่จะได้ย้ายออกจากสโมสร แต่ก็ไม่มีการเจรจาใดที่สำเร็จ จึงต้องอยู่กับทีมต่อไป แต่ก็เป็นในฐานะตัวสำรองของสำรองอีกทอดหนึ่ง โดยคล็อปป์ดูเหมือนจะอยากปั้น รีส วิลเลียมส์ เจ้าหนูวัย 19 ปีมากกว่า

 

แต่เพราะตัวเจ็บเริ่มล้น ทำให้เขาได้รับโอกาสในการลงเล่นเกมลีกนัดแรกกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในวันที่ 31 ตุลาคม โดยเล่นได้อย่างน่าประทับใจ แข็งแกร่ง และลิเวอร์พูลก็เป็นฝ่ายชนะในเกมนั้นด้วย

 

อย่างไรก็ดี เพราะคล็อปป์ตั้งใจว่าจะให้โอกาสคนอื่นก่อน ดังนั้นโอกาสในการลงสนามสำหรับเขาจึงไม่มากนัก จะได้เล่นก็ต่อเมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น โดยจะเป็นฟาบินโญ, มาติป (ก่อนเจ็บ), วิลเลียมส์, เฮนเดอร์สัน หรือน้องใหม่อย่างคาบัคที่ได้โอกาสก่อนเสมอ

 

แม้กระทั่งในเดือนมกราคม เขายังถูกตัดชื่อออกจากการส่งชื่อเล่นในรายการแชมเปียนส์ลีก แต่สุดท้ายเพราะตัวเจ็บมากเกินไป ทำให้คล็อปป์ต้องยอมใส่ชื่อเอาไว้ในทีม

 

สถานการณ์แบบนี้ หากเป็นผู้เล่นทั่วไปอาจจะถอดใจได้ เพราะถูกมองข้ามอย่างชัดเจน แต่ไม่ใช่สำหรับ แนต ฟิลลิปส์ ที่ไม่ว่าจะได้โอกาสครั้งใดก็จะเล่นอย่างเต็มที่ทุกครั้ง

 

แม้จะเป็นกองหลังที่ถูกมองว่าไม่มีความเร็วมากและเล่นกับเท้าได้ไม่ดีนัก แต่ก็ทดแทนด้วยการเล่นที่แข็งแกร่ง กล้าหาญ กล้าชน ปะทะ หนักแน่น โดยเฉพาะลูกกลางอากาศที่เป็นจุดเด่น การโหม่งบอลด้วยสายตาถมึงทึงของเขาเป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอล และสร้างความหวั่นเกรงให้แก่คู่ต่อสู้ในเวลาเดียวกัน (มีหลายครั้งที่ฟิลลิปส์ขึ้นโหม่งปะทะกับคู่ต่อสู้ และทำให้คู่แข่งต้องร่วงลงไปกองกับพื้น แต่ตัวเองไม่เป็นอะไรเลย)

 

ความพยายามของเขาร้อนแรงจนรู้สึกได้ด้วยตา

 

และยิ่งได้โอกาสลงเพิ่มขึ้นก็จะสังเกตเห็นพัฒนาการในการเล่นมากขึ้น โดยเฉพาะในเกมล่าสุดที่แสดงออกให้เห็นถึงการเป็นผู้นำในเกมรับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลขาดไปนับตั้งแต่ฟาน ไดจ์ค ได้รับบาดเจ็บ

 

หลายคนมองว่าฟิลลิปส์มีความคล้ายกับ เจมี คาร์ราเกอร์ อดีตปราการหลังระดับตำนานของสโมสร ที่ฝีเท้าไม่ได้โดดเด่น แต่เรื่องหัวใจไม่เคยเป็นรองใคร

 

จากผลงานในเกมล่าสุด เว็บไซต์ของแฟนลิเวอร์พูลชื่อดังอย่าง empireofthekop.com ได้เปิดให้โหวตเกี่ยวกับอนาคตของกองหลังจอมแกร่งรายนี้ ซึ่งเหลือสัญญากับสโมสรถึงแค่สิ้นสุดฤดูกาลว่าอยากจะเห็นอยู่กับทีมต่อไปหรือไม่

 

มีแค่ 3% ที่บอกว่าเขาควรจะไปจากทีมอย่างอิสระ

 

ขณะที่อีก 97% ต้องการให้สโมสรต่อสัญญาเป็นการด่วน เพราะนี่คือกองหลังชั้นดีที่มีหัวใจกล้าแกร่ง ซึ่งไม่ใช่จะค้นพบกันได้ง่ายๆ

 

เพียงแต่ฟุตบอลไม่ใช่เกมที่จะใช้หัวใจหรือความรู้สึกตัดสินอย่างเดียว ฟิลลิปส์เองก็มีเรื่องอนาคตของตัวเองที่ต้องทบทวน เพราะโอกาสในฤดูกาลนี้ไม่ได้แปลว่าเขาจะได้รับโอกาสแบบเดิมอีก เมื่อฟาน ไดจ์ค, โกเมซ หรือมาติปกลับมา

 

แต่ในเวลานี้ไปจนจบฤดูกาล เชื่อได้ว่าฟิลลิปส์จะได้รับโอกาสจากคล็อปป์มากขึ้น และเชื่อว่าทุกครั้งที่ได้รับโอกาส เขาจะทุ่มเทเกินร้อยอย่างแน่นอน

 

เพราะความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร

 

ถ้าเราพยายามมากพอและดีพอ สักวันจะต้องมีคนเห็นแน่นอน 🙂

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์ 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X