ด้วยรูปแบบอันแสนจะเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงคุณภาพและราคาที่จับต้องได้ เชื่อแน่ว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคย และชื่นชอบกระเป๋าผ้ามีโบที่ตัดเย็บด้วยฝีมืออันสุดประณีตของแบรนด์ ‘นารายา’ (NaRaYa) กันเป็นอย่างดี ด้วยความโดดเด่นดังกล่าวจึงทำให้กระเป๋าผ้านารายาครองใจลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อย่าง ญี่ปุ่น จีน เกาหลี สิงคโปร์ ไต้หวัน ฯลฯ มาตลอดระยะเวลายาวนานร่วม 30 ปี ซึ่งเป็นที่นิยมถึงขนาดที่ชาวจีนตั้งฉายาให้นารายาว่า ‘Màngǔ Bāo’ หรือแปลว่า ‘กระเป๋ากรุงเทพฯ’ เลยทีเดียว
ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเบื้องหลังของกระเป๋านารายาทุกใบ ล้วนมีแรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงของวาสนา รุ่งแสนทอง ลาทูรัส ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ‘นารายา’ และประธานกรรมการบริหารบริษัท นารายณ์อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้หญิงนักสู้ผู้ผ่านเรื่องราวร้อนหนาวในชีวิตมามากมาย เธอใช้ทุกความสุข ความทุกข์ และความผิดหวัง รวมถึงการมองโลกที่แตกต่าง กลั่นออกมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กระเป๋านารายาจนเป็นที่นิยมของผู้คน
ล่าสุด บริษัท เดนท์สุ วัน (กรุงเทพฯ) จำกัด เอเจนซีโฆษณา ได้รับมอบหมายให้สร้างสรรค์แคมเปญโฆษณาเนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแบรนด์นารายา โดยได้รับโจทย์ว่า ถึงเวลาแล้วที่ควรจะบอกเล่าที่มาของกระเป๋าผ้านารายา จากมุมมองของวาสนาผู้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจสร้างสรรค์กระเป๋าผ้าแบรนด์ไทยนี้ให้ครองใจคนทั่วโลกได้ยาวนานมาตลอด 30 ปี เพราะนอกจากคนไทยจะมั่นใจในสินค้าคุณภาพของไทยอย่างนารายามากขึ้นแล้ว ยังได้รับแรงบันดาลใจในการต่อสู้ และก้าวเดินตามความฝันจากภาพยนตร์โฆษณาเรื่องนี้ด้วย
ภาพยนตร์โฆษณาเรื่องนี้ตั้งต้นความคิดจากเรื่องราวตั้งแต่สมัยวัยเด็กของวาสนา ผู้จำเป็นต้องออกจากโรงเรียนมาเป็นแม่ค้าขายไข่ในตลาดประตูน้ำ แต่ด้วยความอุตสาหะและหวังถึงวันที่ดีกว่า เธอก็ยังหาเวลาว่างไปเรียนรู้ภาษาอังกฤษจนได้เป็นมัคคุเทศก์อย่างที่เธอใฝ่ฝัน ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่หารายได้เลี้ยงดูครอบครัวมาโดยตลอด
ทว่าชีวิตนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่เพียงอย่างเดียว การก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาเป็นเจ้าของธุรกิจกระเป๋าผ้าที่ประสบความสำเร็จ จนธุรกิจเติบโตขึ้นมามีมูลค่าสูงกว่าพันล้านบาทอย่างทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย วาสนาต้องมุ่งมั่นต่อสู้ก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตมาโดยตลอด แม้กระทั่งประสบความล้มเหลวทางธุรกิจ จนถึงขนาดคิดฆ่าตัวตายก็เคยมาแล้ว แต่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทั้งหมด ล้วนเกิดจากการที่วาสนาไม่เคยคิดจะยอมแพ้ต่อโชคชะตานั่นเอง
นับเป็นเรื่องที่โชคดียิ่งขึ้นไปอีก เมื่อ ต่อ-ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับโฆษณาชื่อดังระดับโลก ตัดสินใจลงมือกำกับภาพยนตร์โฆษณาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะเล็งเห็นว่ามีประเด็นที่น่าสนใจ ให้คุณค่าที่มีประโยชน์ และมอบแรงบันดาลใจให้กับผู้ชม ทั้งยังเป็นการช่วยสนับสนุนสินค้าไทยคุณภาพสูง ให้ได้รับการยอมรับในกลุ่มคนไทยมากขึ้นไปอีก
การทำงานอย่างเข้มข้นจึงเริ่มต้นตั้งแต่ครีเอทีฟนำสตอรีบอร์ดเข้าไปปรึกษาเพื่อพัฒนาต่อให้เป็นภาพยนตร์โฆษณาที่ดีให้ได้ ทีมครีเอทีฟและต่อใช้เวลาในการระดมสมองร่วมกันอย่างหนัก จนได้วิธีเล่าเรื่องหลากหลายแบบ แต่ลึกๆ ในใจต่อกลับรู้สึกและเชื่อว่าเรื่องเล่านี้ยังมีความน่าสนใจได้อีก หากมีข้อมูลที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ต่อและทีมครีเอทีฟจึงตัดสินใจขอนัดสัมภาษณ์วาสนาอีกครั้ง เพื่อเจาะลึกลงไปถึงความคิดและเหตุผลที่เธอตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ในเชิงลึก การพูดคุยกับวาสนาใช้เวลานานกว่าสามชั่วโมง ทำให้ทีมเข้าใจถึงความคิดของหญิงสู้ชีวิตผู้ประสบความสำเร็จอย่างลึกซึ้ง และสิ่งที่เหนือไปกว่านั้นคือการเข้าถึงแรงบันดาลใจอันแรงกล้า เพื่อสร้างสรรค์แบรนด์อันเป็นที่รักของเธอ
เมื่อผู้ชมได้ชมภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ และเห็นถึงเรื่องราวสู้ชีวิตของวาสนาแล้ว ก็คงรู้สึกประทับใจไม่ต่างกับเรา เมื่อได้เห็นความอุตสาหะไม่ย่อท้อต่อชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอบอกเอาไว้ในภาพยนตร์โฆษณานี้ว่า “ฉันเชื่อว่าโลกนี้มันต้องสวยได้…ดีได้” อันเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอลุกขึ้นมาเปลี่ยนสิ่งที่มองไม่เห็น…ให้เห็น เปลี่ยนสิ่งที่ดูไม่สวย…ให้สวย แล้วสื่อผ่านออกมาในรูปลักษณ์ของกระเป๋าได้อย่างสวยงามที่สุด นั่นเป็นเพราะเธอเชื่อว่า ‘กระเป๋าของชีวิต’ จะต้องงดงามได้ สวยได้…นั่นเอง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์