ถ้าพูดถึงวงการกาแฟสเปเชียลตี้ของบ้านเรา NANA Coffee Roasters คงเป็นชื่อแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงในฐานะโรงคั่วและร้านกาแฟแนวหน้าของเมืองไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘นักเล่าเรื่องกาแฟ’ จากไร่เกษตรกรจนถึงมือลูกค้า กับวิธีเล่าเรื่องประสบการณ์ผ่านรูป-รส-กลิ่น-เสียง ที่แฝงเอาไว้ในรายละเอียดการออกแบบร้าน ซึ่งแต่ละสาขาจะมีธีมที่แตกต่างกันออกไป ล่าสุด NANA Coffee Roasters ได้เปิดแฟลกชิปสโตร์ที่ใหญ่ที่สุดบนพื้นที่กว่า 1.5 ไร่ ที่ย่านบางนา
ธีมหลักของสาขานี้คือ ร้านดูดีที่ดันกาแฟเด่น เราเลยมีโอกาสได้เห็นภาพคาเฟ่สเปซสีขาวคลีน ล้อมรอบด้วยสวนต้นไม้และกระจกใสที่เชื่อมต่อพื้นที่ภายนอกสู่ภายในได้อย่างกลมกลืน แสงธรรมชาติฉายทะลุกระจกลงมายังบาร์กาแฟที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์สุดล้ำ ให้ความรู้สึกโปร่ง เรียบง่าย ผ่อนคลาย น้อยแต่มาก เน้นชูความพิถีพิถันเจาะลึกในงานกาแฟ ทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์กาแฟขนาดย่อมจัดแสดงในร้านด้วย สิ่งนี้สะท้อนตัวตนและอุดมการณ์ของแบรนด์ NANA ได้เป็นอย่างดี
ในร้านมีบาร์ทั้งหมด 3 แห่ง โดยที่นั่งลูกค้าและบาร์แต่ละส่วนได้รับการจัดสรรตามหน้าที่อย่างชัดเจน เริ่มจาก Speed Bar เป็นบาร์หลัก มีไซโล 4 หลอดตั้งเด่น สำหรับเก็บกาแฟ Single Origin ตัวใหม่ที่ถูกคั่วในระดับเอสเพรสโซเป็นครั้งแรก พร้อมเมล็ดกาแฟกว่า 80 ชนิดให้เลือกสรร ถัดมาเป็น Slow Bar ในห้องกระจกใสฝั่งตรงข้าม กับเมนูกาแฟ Hand Brew ในรูปแบบไซฟอนและกาแฟดริป สุดท้ายคือ Tea Bar บาร์ชาแห่งแรกและแห่งเดียวที่ NANA เสิร์ฟเมนูชาป่าและชาไร่คัดสรรจากจังหวัดเชียงราย
สุดท้ายอีกสิ่งที่ห้ามพลาดที่สาขานี้คือ การเปิดโลกกาแฟผ่าน Champ-Table หรือโอมากาเสะกาแฟ กับแชมป์โลกอย่างกุ้ง กานดา และแน็ต กษมา ที่จะมาเสิร์ฟกาแฟพันธุ์หายากคู่กับเซ็ตขนมหวานในรูปแบบของ Speed Bar และ Slow Bar โดยเมล็ดที่ใช้จะหมุนเวียนแตกต่างกันไปในแต่ละวัน ใครสนใจสามารถจองล่วงหน้าได้ที่ https://nanacoffeeroasters.com/products/sip-with-champions-kanda-kasama เปิดวันละ 2 รอบ เช้า-บ่าย รอบละ 60 นาที ราคาคอร์สละ 1,200 บาทต่อคน
ช่วงนี้ยังเป็น Soft Launch อยู่ ทางร้านเตรียมเปิดเต็มรูปแบบในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ พร้อมสวนฉบับสมบูรณ์และห้องโรงคั่วกาแฟที่เพิ่มขึ้น