นัมกุงมินเป็นนักแสดงที่มีจอมอนิเตอร์ส่วนตัวเพื่อคอยเช็กงานตัวเองในกองถ่ายอยู่เสมอ
ไปเรียนรู้วิธีการออกเสียงอย่างจริงจังเพื่อปรับให้โทนเสียงของตัวเองเหมาะกับคาแรกเตอร์แต่ละเรื่อง
แม้ซีรีส์จะออกอากาศไปแล้วก็ยังกลับมาย้อนดูซ้ำ เพื่อจดบันทึกข้อบกพร่องของตัวเองเอาไว้
เป็นนักแสดงที่แบกซีรีส์ทั้งเรื่องไว้ได้คนเดียว ไม่จำกัดว่าบทต้องเป็นคนดีหรือร้าย เลิฟไลน์ไม่มี นางเอกไม่ต้อง
สิ้นปีที่ผ่านมา นัมกุงมินเพิ่งได้รางวัลแดซังเป็นครั้งแรกหลังจากมีผลงานการแสดงในวงการบันเทิงมา 19 ปี
นัมกุงมิน เพิ่งรับรางวัลแดซัง (รางวัลใหญ่ที่สุด) จากเวที SBS Drama Awards 2020 มาหมาดๆ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา จากการรับบทนำในซีรีส์ Hot Stove League ที่เล่าเรื่องราวเบื้องหลังแวดวงกีฬาเบสบอลทั้งด้านมืดและด้านสว่าง ซึ่งความน่าประทับใจก็คือมันเป็นรางวัลแดซังแรกที่นัมกุงมินได้รับ หลังจากทำงานในวงการบันเทิงมา 19 ปี! โดยแดซังถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติในวงการบันเทิง เพราะนับว่าเป็นการถูกยอมรับในอีกระดับหนึ่ง อาจพูดได้ว่าไม่ใช่แค่ยอดเยี่ยม แต่เป็นยอดเยี่ยมสูงสุด
ส่วนแฟนซีรีส์ที่ติดตามผลงานของนักแสดงคนนี้มาตลอด คงรู้กันดีถึงฝีมือการแสดงที่เชื่อใจได้ ไม่ว่านัมกุงมินจะเลือกรับบทบาทใดๆ ในซีรีส์เรื่องไหนก็ตาม เขาไม่เคยทำให้คนดูผิดหวัง และที่น่าสนใจคือผลงานในปีหลังๆ มานี้ บทบาทที่เขาเลือกรับล้วนเป็นตัวละครสีเทา ซึ่งเป็นคาแรกเตอร์ที่ดูเป็นมนุษย์จริงๆ ไม่ได้ขาวสะอาดไปทุกด้าน
นักแสดงที่เอาอยู่แบบยืนหนึ่งได้ทั้งเรื่อง เลิฟไลน์ไม่มี นางเอกไม่ต้อง
ปัจจุบันนัมกุงมินอายุ 42 ปี ตลอด 19 ปีในวงการบันเทิง เขาผ่านงานมาแล้วหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้โชว์ พิธีกร มิวสิกวิดีโอ ฯลฯ แต่ที่นับว่าโดดเด่นที่สุดก็ต้องยกให้สายการแสดงที่ยืนหนึ่งมาตลอด โดยเฉพาะผลงานในช่วงหลังๆ ที่นับว่าท็อปฟอร์มเอามากๆ และยังเป็นการแสดงที่ถือว่าเป็นมิติใหม่ของซีรีส์เกาหลีก็ว่าได้
ที่บอกว่าเป็นมิติใหม่เพราะงานซีรีส์ในระยะหลังของนัมกุงมิน เช่น Doctor Prisoner, Hot Stove League หรือ Awaken ที่กำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้ ล้วนเป็นซีรีส์ที่ไม่มีนางเอกหรือแม้แต่ฉากเลิฟซีนที่จะเป็นการช่วยดึงกระแสโซเชียลเหมือนกับซีรีส์เรื่องอื่นๆ นอกจากนี้ในซีรีส์เรื่องดังกล่าว นัมกุงมินยังรับบทบาทหลักที่เรียกได้ว่าแบกซีรีส์ไว้คนเดียวแทบทั้งเรื่อง และสำหรับใครที่ยังไม่เคยติดตามผลงานของนักแสดงคนนี้ เราขอท้าให้คุณลองเปิดใจจากซีรีส์ 3 เรื่องล่าสุดของเขาดูสักครั้ง
Doctor Prisoner (2019) เมื่อ ‘หมอ’ อาชีพที่ได้ชื่อว่ามือสะอาด เป็นเหมือนพระเจ้าที่คอยรักษาชีวิตผู้คนให้รอดพ้นจากความตาย แต่ด้วยนิสัยไม่ค่อยยอมใครทำให้เขาไปท้าทายอำนาจมืดผู้มีอิทธิพลจนชีวิตพลิกผันให้กลายเป็นนักโทษในคุก เขาจำต้องอดทนใช้ชีวิตเพื่อรอคอยวันที่จะได้แก้แค้น เมื่อพ้นโทษเขาจึงเลือกที่จะใช้วิชาความรู้ที่มีช่วยเหลือนักโทษวีไอพีด้วยการสร้างอาการป่วยให้เกิดขึ้นเพื่อความจำเป็นในการออกมารักษาตัว แลกกับการได้ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลของเรือนจำ นับจากนั้นเรื่องราวการแก้แค้นที่หักเหลี่ยมเฉือนคมเหนือจินตนาการก็เริ่มต้นขึ้น
ในซีรีส์เรื่องนี้นัมกุงมิน รับบทเป็น นาอีเจ แพทย์หนุ่มที่เชื่อในหน้าที่และจรรยาบรรณแพทย์ การรักษาชีวิตคนไข้อย่างเท่าเทียมคือสิ่งที่เขายึดถือ แต่เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปได้ด้วยอำนาจมืดและผลประโยชน์ การที่เขาหมดอนาคตทางการเป็นแพทย์ทำให้เขาเปลี่ยนตัวเองไปยืนบนพื้นที่สีเทาเพื่อแก้แค้นและเอาคืนจากระบบบิดเบี้ยวที่เขาถูกกระทำ ซึ่งนัมกุงมินถ่ายทอดความเป็นคนที่มีทั้งด้านขาวและดำได้อย่างที่คนดูจะเอาใจช่วยตัวละครไปด้วย เป็นการแสดงที่ตัวละครมีมิติ ไม่ใช่พระเอกแสนดีแบบซีรีส์เกาหลีโดยทั่วไป
Hot Stove League (2019) ซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวของวงการกีฬาเบสบอล นัมกุงมิน รับบทเป็น แบคซึงซู ที่ได้รับมอบหมายให้มาเป็นผู้กอบกู้อดีตทีมเบสบอลที่เคยมีชื่อเสียงอย่าง Dreams จากการเป็นทีมท้ายตารางของลีกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาให้ได้ ซึ่งเมื่อได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมอย่างเต็มตัวเขาก็พบว่าในทีมนั้นเต็มไปด้วยปัญหารอบด้าน วิธีที่แบคซึงซูเลือกคือการสังคายนาระบบใหม่ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ขายนักกีฬาตัวท็อปออกจากทีมไป ตามมาด้วยการไล่แมวมองนักกีฬาผู้เป็นเสาหลักอีกคนหนึ่งของทีมออก ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมายนับไม่ถ้วน ความสนุกคือคนดูจะได้ลุ้นไปตลอดเรื่องกับไหวพริบของผู้จัดการทีมคนนี้ว่าเขาจะฝ่าฟันพาทีมไปสู่ชัยชนะที่ใฝ่ฝันได้หรือไม่
ซีรีส์ Hot Stove League นัมกุงมินนับเป็นตัวละครที่อยู่บนเส้นเรื่องหลัก จะเรียกว่าเป็นกำลังหลักของซีรีส์เรื่องนี้ก็ไม่ผิด ยิ่งตัวละครไม่ได้เปิดเผยอารมณ์มากนัก ไม่ได้มีเลิฟไลน์ ไม่มีนางเอกชัดเจน ไม่มีฉากแอ็กชันเดือดๆ ทำให้การแสดงของเขาในบทแบคซึงซูท้าทายมากยิ่งขึ้นในการทำให้เห็นมิติตัวละครที่ค่อยๆ เผยรายละเอียดออกมา
Awaken (2020) เล่าเรื่องราวของคดีลึกลับที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเมื่อ 28 ปีก่อน โดยคดีที่ว่านี้ถูกพบว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีในปัจจุบันอย่างน่าประหลาด สองคู่หูตำรวจจากหน่วยสืบสวนคดีพิเศษจึงต้องร่วมมือกับนักจิตวิทยาอาชญากรรมจาก FBI เพื่อร่วมกันไขคดีปริศนานี้ให้ลุล่วง โดย ณ วันที่บทความชิ้นนี้เผยแพร่ ตัวซีรีส์ได้ดำเนินมาถึงอีพีที่ 11 แล้ว และความสนุกลุ้นระทึกนั้นยิ่งพีกทะลุเพดานมากขึ้นเรื่อยๆ
นัมกุงมิน รับบทเป็น โดจองอู หัวหน้าหน่วยสืบสวนคดีพิเศษที่ไม่เหมือนคนทั่วไป ทั้งไอคิวที่เกินคนธรรมดา ชอบไปนอนในห้องขัง ติดอมยิ้ม และมีอดีตลึกลับที่อาจเกี่ยวพันกับคดีที่กำลังสืบสวน ซึ่งเช่นกันที่นัมกุงมินมอบการแสดงที่ฉีกคาแรกเตอร์ไปจากเดิม เพราะในแต่ละอีพีที่เรื่องราวดำเนินไป เราไม่รู้ได้เลยว่านี่คือพระเอกที่แสนดีหรือตัวร้ายที่อยู่ในคราบตำรวจ
(อ่านต่อ: ‘นัมกุงมิน’ นำแสดงใน Awaken ซีรีส์ตำรวจที่นำจิตวิทยาอาชญากรรมมาไขปริศนาคดีฆาตกรรมสุดลึกลับ)
ไลฟ์สไตล์ในชีวิตจริงที่คนละขั้วกับภาพลักษณ์ในจอ
แม้ภาพลักษณ์ของนัมกุงมินที่เราคุ้นชินจากคาแรกเตอร์ในซีรีส์จะดูเหมือนเป็นผู้ชายขรึมๆ มาดนิ่ง จริงจัง จนอาจทำให้รู้สึกน่าเกรงขามในบางครั้ง แต่คนที่ติดตามโซเชียลมีเดียของเขาก็จะรู้ดีว่าไลฟ์สไตล์ในชีวิตจริงของนัมกุงมินนั้นค่อนข้างเรียบง่าย อ่อนโยน แต่ก็มีความจริงจังอยู่ในที
โดยนัมกุงมินได้เคยเป็นแขกรับเชิญในวาไรตี้ I Live Alone ซึ่งเป็นรายการแนวเรียลิตี้ที่จะตามไปดูการใช้ชีวิตในบ้านเพียงลำพังของเหล่าคนดัง ซึ่งนัมกุงมินเองก็ได้เผยเสน่ห์ที่ไม่คาดคิดให้ผู้ชมได้เซอร์ไพรส์ในหลายๆ ด้าน เช่น ความเป็นกันเองกับทีมงานคนสนิทที่มักจะชวนมาสังสรรค์ด้วยกันที่บ้านอยู่เสมอ ชอบเอ็นเตอร์เทนเพื่อนๆ ด้วยการคิดเกมสนุกๆ ให้เล่น หรือความชอบในการจัดดอกไม้สวยๆ ไว้ตามมุมต่างๆ ของบ้าน
ดอกไม้ที่ถูกจัดอย่างสวยงามในมุมต่างๆ ของบ้าน
ภาพ: min_namkoong / Instagram
ผู้ชายสายเนี้ยบ เพอร์เฟกชันนิสต์ เข้มงวดกับตัวเองอยู่เสมอ
ในรายการ I Live Alone อีกเช่นกันที่เผยให้เห็นความเนี้ยบขั้นสุดของนัมกุงมินที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ ในตู้เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยชุดสูทที่วางเรียงสีและถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ ทั้งที่ในชีวิตจริงมักจะใส่แค่ชุดวอร์มสีดำหรือไม่ก็เสื้อยืดกางเกงยีนส์ โดยนัมกุงมินเผยว่าบ่อยครั้งที่เขานำชุดของตัวเองไปใส่ถ่ายละคร ด้วยเหตุผลในเรื่องขนาดที่พอดีกับรูปร่าง ซึ่งความเป๊ะนั้นรวมไปถึงรองเท้าคัตชูที่ตัวเองสะสมด้วยเช่นกัน ซึ่งความรักรองเท้าที่ว่านั้นถึงขั้นทำให้ต้องสั่งทำกระเป๋าสำหรับใส่รองเท้าคัตชูโดยเฉพาะ เพราะไม่อยากให้รองเท้าเป็นรอยหรือเสียรูปทรงเมื่อต้องพกติดตัวไปในสถานที่ต่างๆ
ไม่ใช่แค่เรื่องชีวิตส่วนตัวเท่านั้น แต่ในด้านการทำงานก็เข้าขั้นเพอร์เฟกชันนิสต์เช่นกัน นัมกุงมินได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงที่แม้บทจะยาว แต่ก็จำได้แม่นไม่เคยพลาด นั่นเป็นเพราะพื้นฐานเป็นคนใส่ใจรายละเอียดและเอาจริงเอาจังกับงานมากๆ ถึงขนาดไปเรียนรู้การใช้เสียงของตัวเองในหลายๆ โทน เพราะการแสดงในบทบาทต่างๆ เสียงจะเป็นคาแรกเตอร์ที่ทำให้ตัวละครมีความแตกต่าง โดยนัมกุงมินเคยให้สัมภาษณ์ว่าสำหรับซีรีส์เรื่อง Doctor Prisoner เขาไปเรียนออกเสียงโดยใช้ปากส่วนหน้า เพื่อให้ได้โทนเสียงที่ดูลึกลับ เหมาะกับคาแรกเตอร์มากขึ้น
เรื่องเซอร์ไพรส์อีกอย่างหนึ่งคือเราเชื่อว่าน้อยมากที่จะมีนักแสดงคนไหนใส่ใจกับงานของตัวเองจนถึงขั้นพกมอนิเตอร์ส่วนตัวไปกองถ่าย โดยทุกครั้งที่พักกองหลังถ่ายเสร็จในแต่ละฉาก เขาจะเปิดมอนิเตอร์เช็กการแสดงของตัวเองเสมอว่าเพอร์เฟกต์แล้วหรือยัง เพราะเกรงใจที่จะต้องรบกวนทีมงานในกองถ่ายเพื่อขอดูหลายๆ รอบ
“ผมพยายามดูการแสดงของตัวเองซ้ำๆ เพราะอยากรู้ว่าควรนำเสนอตัวละครออกมาอย่างไร จะได้รู้ว่าการแสดงออกแบบไหนที่ดีกว่า และจะพัฒนาต่อได้อย่างไร ทั้งหมดมันเป็นเพราะผมพยายามจะสวมบทบาทที่ได้รับให้ดีที่สุดครับ”
ความจริงจังยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะแม้ซีรีส์บางเรื่องจะออกอากาศจบไปแล้ว แต่นัมกุงมินยังกลับมาเปิดดูซ้ำอีกครั้งเพื่อดูว่าตัวเองต้องพัฒนาอะไรอีกบ้าง โดยตัดบทจากกระดาษที่เต็มไปด้วยรอยปากกาออกมา แปะลงสมุดบันทึก แล้วเขียนคอมเมนต์ตัวเองอีกทีอย่างละเอียด ซึ่งนั่นทำให้เขาสามารถเห็นถึงสิ่งที่ตัวเองมองไม่เห็นในตอนนั้น และถ้ามีส่วนไหนที่ทำได้ดีก็ยังมีการคอมเมนต์ชื่นชมตัวเองด้วย ไม่ได้จับผิดเพียงอย่างเดียว
เช็กงานผ่านมอนิเตอร์ส่วนตัวขณะพักกองถ่ายทำ
ภาพ: min_namkoong / Instagram
รางวัลแห่งความสำเร็จ
ในด้านรางวัลการันตีความสำเร็จ แม้ว่าจะมีผลงานที่โดดเด่นมาตลอด ได้รางวัลนักแสดงนำชายในเวทีระดับช่องมาก็บ่อย เวทีระดับท็อปของประเทศอย่าง Baeksang Arts Awards นัมกุงมินก็มีโอกาสเข้าชิงในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมให้แฟนๆ ได้ลุ้นอยู่หลายครั้ง ทั้งจากเรื่อง Remember (2016), Good Manager (2017) และ Hot Stove League (2019) แต่อาจเป็นเพราะจังหวะเวลาที่ยังไม่ถูกต้อง ทำให้ในแต่ละปีมักจะเจอคู่แข่งที่สูสีจนทำให้พลาดรางวัลไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ในที่สุดความพยายามตลอด 19 ปีก็เป็นผล เมื่อนัมกุงมินคว้าแดซังแรกในชีวิตจากเวที SBS Drama Awards 2020 มาครองได้สำเร็จ สมกับความทุ่มเทเพื่องานที่ตัวเองรักอย่างเต็มที่ แม้จะยังไม่ใช่รางวัลจากเวทีที่ใหญ่ที่สุด แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นแรงใจให้กับทั้งตัวนักแสดงเอง รวมถึงแฟนๆ ที่คอยสนับสนุนและเอาใจช่วยมาตลอด ทั้งยังน่าสนใจว่าในช่วงกลางปีนี้นัมกุงมินจะมีลุ้นในเวทีใหญ่อย่าง Baeksang Arts Awards ได้อีกครั้งหรือไม่
“ไม่ว่าจะพยายามให้สมบูรณ์แบบแค่ไหน การแสดงก็ไม่มีวันสมบูรณ์แบบหรอกครับ นั่นคือสิ่งที่ผมคิดนะ การแสดงไม่มีวันสมบูรณ์แบบ แต่ผมเชื่อว่าความพยายามมันเป็นกระบวนการที่จะทำให้สมบูรณ์แบบครับ คำชมที่ได้รับมันไม่ได้เกี่ยวกับการแสดง แต่ผมชื่นชมในเรื่องที่นักแสดงมุมานะกับการทำงานมากแค่ไหนมากกว่า”
View this post on Instagram
อ้างอิง: