วานนี้ (19 กุมภาพันธ์) ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการถกเถียงบนโลกออนไลน์ กรณีคำนำหน้านาม ‘คุณ’ บนสลิปโอนเงินของ ตรีชฎา หงษ์หยก หรือ ปอย ว่าทำไมจึงเปลี่ยนคำนำหน้าเป็นคุณได้ ในขณะที่กลุ่มคนข้ามเพศคนอื่นๆ ไม่สามารถเปลี่ยนคำนำหน้าได้ โดยธนาคารชี้แจงว่า ‘เป็นข้อผิดพลาด และตามระเบียบต้องใช้คำนำหน้าตามบัตรประชาชนเท่านั้น’
.
ธัญวัจน์กล่าวว่า ด้วยกฎหมายในประเทศไทยปัจจุบันยังเป็นระบบสองเพศ จึงทำให้บุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศไม่สามารถดำเนินชีวิตตามเจตจำนงอัตลักษณ์ทางเพศของตนเองได้ ในกรณีดังกล่าวธนาคารจึงแจ้งและยืนยันเรื่องการใช้คำนำหน้าตามบัตรประชาชน ซึ่งไม่เป็นไปตามอัตลักษณ์ทางเพศของบุคคลข้ามเพศ เรื่องเพศจึงยังถูกกำหนดโดยระบบเดิม ยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับที่ต้องผลักดันสิทธิและการคุ้มครองให้ครอบคลุมต่อคนทุกเพศเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ
“ร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศของพรรคก้าวไกลจะเข้าสู่การพิจารณาในวาระหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ โดยหลักการสำคัญคือการเลือกเพศตามเจตจำนง (Self Determination) อัตลักษณ์ทางเพศถือเป็นเจตจำนงที่บุคคลดังกล่าวจะดำเนินชีวิตตามเพศที่ตนเองต้องการ“ ธัญวัจน์กล่าว
ธัญวัจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวคือการรับรองเพศ เพื่อให้บุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศได้เลือกคำนำหน้าตามสมัครใจ และมีบทบาท หน้าที่ สิทธิ ตามเพศที่ตนแสดงเจตจำนง ซึ่งร่างดังกล่าวมีแนวคิดจากประเทศอาร์เจนตินาและมอลตา ซึ่งเป็นกฎหมายการรับรองเพศที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก
ร่างกฎหมายดังกล่าวยังได้รับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศและอีกหลายหน่วยงานให้เป็นไปตามหลักการยอกยาการ์ตา ที่กฎหมายนั้นต้องปรับปรุงและต้องคำนึงถึงอัตลักษณ์ทางเพศ เพศสภาพ เพศวิถี และเพศทางกายภาพ เพื่อสิทธิเสรีภาพในการดำเนินชีวิต
“ร่างกฎหมายคำนำหน้าตามความสมัครใจของพรรคก้าวไกลจะแก้ปัญหาเรื่องเอกสารราชการ เรื่องการเดินทาง ระเบียบการแต่งกาย การทำธุรกรรมทางการเงิน ที่เกี่ยวข้องกับเพศสภาพ ให้หมายรวมถึงอัตลักษณ์ทางเพศและเพศสภาพด้วย บุคคลข้ามเพศ เพศกำกวม และเพศอื่นๆ สามารถแสดงออกอัตลักษณ์ทางเพศของตนผ่านคำนำหน้าได้ในเอกสารราชการต่างๆ เพราะเพศคือเจตจำนงของบุคคล เป็นสิทธิมนุษยชนที่กำหนดเอง ดังนั้นกฎหมายต้องเปลี่ยนแปลง” ธัญวัจน์กล่าวทิ้งท้าย