วันนี้ (22 มิ.ย.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงข่าวผลการประชุมพิจารณากรณีที่แกนนำ นปช. มีหนังสือร้องขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. รื้อฟื้นคดีสลายการชุมนุม นปช. ปี 2553 ที่ ป.ป.ช. เคยมีมติยกคำร้องข้อกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก ไม่มีความผิดในการสั่งสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.
โดยผลการประชุม คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติยกคำร้องดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานใหม่ และยืนยันตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เดิมเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2558 ซึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับพวกมีพฤติการณ์ว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีสั่งการในเหตุการณ์สลายการชุมนุม นปช. เมื่อวันที่ 10 เมษายน ถึง 19 พฤษภาคม 2553
ทั้งนี้การแถลงข่าวของเลขาธิการ ป.ป.ช. มีการชี้แจงประเด็นตามคำร้องของแกนนำ นปช. ซึ่งเปรียบเทียบกรณีรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อปี 2551 ซึ่ง ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดและยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่กรณีกลุ่ม นปช. นั้น ป.ป.ช. กลับมีมติยกคำร้อง
โดยเลขาธิการ ป.ป.ช. ชี้แจงว่าการสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมไว้ชัดเจนเป็นไปตามหลักสากล อีกทั้งมีการปรับแผนการปฏิบัติตามสถานการณ์ภายหลัง ซึ่งแตกต่างจากกรณีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อปี 2551
อีกทั้งการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ปรากฏพยานหลักฐานตามคำสั่งของศาลแพ่งและศาลอาญาว่ามิใช่การชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ และมีบุคคลที่มีอาวุธปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม
นอกจากนี้เลขาธิการ ป.ป.ช. ยังระบุด้วยว่าเป้าหมายของการสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 คือทำเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ขณะที่เป้าหมายการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อปี 2551 มีเพียงเพื่อให้รัฐบาลนายสมชายเข้าไปประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบาย
สำหรับการแถลงข่าวครั้งนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ได้เข้าร่วมรับฟังด้วย โดยนายณัฐวุฒิประกาศทั้งน้ำตา ไม่ยอมรับมติ ป.ป.ช. และเตรียมรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 20,000 คน ยื่นประธานสภาฯ เพื่อพิจารณายื่นศาลฎีกาตั้งไต่สวนกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป
