วันนี้ (14 พฤศจิกายน) นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงต่อสื่อมวลชนว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม หรือ เอ๋ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กับพวก รวม 11 ราย ร่วมกันพิจารณาและอนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อปีงบประมาณ 2554-2556 โดยมิชอบ
ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหา ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กับพวก ร่วมกันพิจารณาและอนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อปีงบประมาณ 2554-2556 โดยมิชอบ ซึ่งต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวนั้น
จากการไต่สวนพบว่า ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กับพวก ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างปีงบประมาณ 2554-2556 รวมจำนวน 68 โครงการ เป็นเงิน 836,129,125 บาท ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการช่วงเวลาดังกล่าว จำนวน 20 โครงการ วงเงินงบประมาณ 338,753,750 บาท
ปรากฏข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ปกรณ์ เนตรประภา ซึ่งมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับผู้บริหารขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ จะแสดงตัวเป็นตัวแทนหรือคนของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ไปประสานงานติดต่อกับวัดที่ขอรับเงินอุดหนุนเพื่อก่อสร้างเมรุหรือศาลาการเปรียญ มีการจัดทำคำขอ แบบแปลน และประมาณการราคานำไปให้เจ้าอาวาสวัดต่างๆ ลงนาม และได้รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนำไปยื่นให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ
เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการได้รับคำขอแล้ว อำนวย รัศมิทัต ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการในช่วงปีงบประมาณ 2545 และ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการในช่วงปีงบประมาณ 2545-2546 ได้ร่วมกับ มนัส บุญอารีย์ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการในช่วงปีงบประมาณ 2544-2545 และ สายัณห์ รักษนาเวศ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ
ในช่วงปีงบประมาณ 2546 วิชัย จันทร์จำรูญ ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชัยยศ ตั้งจิตดำรง ผู้อำนวยการกองช่าง และ อนุวัช ควรคิด รีบเร่งตั้งงบประมาณรายจ่ายหมวดเงินอุดหนุน เสนอและเห็นชอบโครงการเข้าแผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ โดยที่ไม่ทำการตรวจสอบรายละเอียดโครงการ รายละเอียดแบบแปลน และประมาณราคาก่อสร้างซ่อมแซมศาสนสถานว่ามีความถูกต้องเหมาะสมกับงบประมาณที่ขอมาหรือไม่
มีการจัดทำและประกาศใช้แผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ประกาศใช้ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี จนกระทั่งมีการอนุมัติเบิกจ่ายเงินให้แก่วัดตามวงเงินที่ขอมา โดยในขั้นตอนการรับเงินอุดหนุน เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการอนุมัติเงินแล้ว ปกรณ์ เนตรประภา จะแจ้งให้ทางวัดทราบล่วงหน้า เพื่อนัดหมายกับเจ้าอาวาสวัดให้ไปรับเช็คเงินอุดหนุน เมื่อทางวัดไปรับเช็คมาแล้ว ในวันเดียวกัน ปกรณ์ เนตรประภา จะร่วมกับเจ้าอาวาสหรือผู้แทนวัด นำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารพร้อมกับเบิกเงินและมอบให้ ปกรณ์ เนตรประภา เป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของวงเงินที่ได้รับการอุดหนุน จากนั้นบริษัท เอเวอร์กรีน เอ็กซ์พอลเรอร์ฯ ซึ่งมี ปกรณ์ เนตรประภา เป็นกรรมการผู้จัดการ จะได้เข้ามาเป็นผู้รับจ้างดำเนินงานตามโครงการที่ได้รับเงินอุดหนุน
ภายหลังเมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่วัด และวัดได้รับเงินแล้ว ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กับพวก กลับไม่ตรวจสอบติดตามการใช้จ่ายเงินอุดหนุนและการดำเนินงานในแต่ละโครงการว่าได้ดำเนินการเป็นไปตามแบบแปลนและประมาณการราคา คุ้มค่าและเหมาะสมกับงบประมาณที่อุดหนุนหรือไม่ การดำเนินโครงการแล้วเสร็จ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการหรือไม่
ทั้งนี้ ปรากฏข้อเท็จจริงว่าทุกโครงการมีปัญหาจากการก่อสร้าง อันเกิดจากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญา มีการจ้างช่วง ทิ้งงาน อีกทั้งการก่อสร้างไม่ตรงตามแบบแปลน รายการปริมาณงานและประมาณการราคา เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อราชการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาสำนวนการไต่สวนแล้วมีมติ ดังนี้
- การกระทำของ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม และ อำนวย รัศมิทัต มีมูลเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157
- การกระทำของ สายัณห์ รักษนาเวศ, วิชัย จันทร์จำรูญ, ชัยยศ ตั้งจิตดำรง, มนัส บุญอารีย์ และ อนุวัช ควรคิด มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
- การกระทำของบริษัท เอเวอร์กรีน เอ็กซ์พอลเรอร์ฯ และ ปกรณ์ เนตรประภา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 157 ประกอบมาตรา 86