วานนี้ (8 ตุลาคม) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการไต่สวนคดีกล่าวหา 44 อดีต สส.พรรคก้าวไกล
โฆษก ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีร่วมกันเสนอและร่วมกันลงชื่อในร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ขณะนี้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดได้รับการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว มีผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้วเช่นกัน บางรายขอขยายระยะเวลานำส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมในการชี้แจง ซึ่ง ป.ป.ช. เปิดโอกาสให้ใช้สิทธิชี้แจงเต็มที่ตามกฎหมาย ภายในกรอบระยะเวลา 15 วัน
หลังจากนี้องค์คณะไต่สวนจะพิจารณาพยานหลักฐานทั้งหมด ก่อนสรุปสำนวนนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตาม การพิสูจน์พยานหลักฐานต่างๆ จากการแก้ข้อกล่าวหานั้น องค์คณะไต่สวนและคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพิจารณาทีละราย ไม่มีการพิจารณาแบบเหมารวม
เพราะข้อเท็จจริงแตกต่างกัน กล่าวคือเวลาเสนอร่างกฎหมายนั้นจะมีผู้ริเริ่ม กับผู้ที่ร่วมลงลายมือชื่อเพื่อเสนอ การกระทำของแต่ละคนจึงแตกต่างกันในข้อกฎหมายและลักษณะการกระทำ
“ยืนยันว่าการทำงานของ ป.ป.ช. อยู่บนพื้นฐานของความเป็นกลาง ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่ได้ดูไทม์ไลน์การเลือกตั้ง แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในการพิสูจน์ความผิด คาดว่าจะมีการพิจารณาคดีนี้รายคนเริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมนี้ คาดว่าเร็วสุดคือเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน อย่างช้าไม่น่าจะเกินเดือนธันวาคมนี้” โฆษก ป.ป.ช. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในจำนวน สส. 44 คน พรรคก้าวไกล ที่ลงชื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 พบว่า ปัจจุบันยังเป็น สส. สังกัดพรรคประชาชน 25 คน พ้นจาก สส. หลังถูกยุบพรรคไปแล้ว 11 คน และถูกตัดสิทธิทางการเมือง 8 คน
หาก ป.ป.ช. สรุปสำนวนคดี แล้วมีมติให้ส่งฟ้องเอาผิด ต้องส่งฟ้องไปที่ศาลฎีกา และหากศาลฎีการับคำร้องไว้พิจารณา บุคคลที่เป็น สส. ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน
และหากศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ หรือกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา จะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ