วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน หลังประชาชนเมียนมาออกมาประท้วงไทยที่ตัดไฟฟ้า งดส่งน้ำมัน และตัดอินเทอร์เน็ต ว่าขณะนี้ 3 ส่วน คือกองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ประสานการทำงานกันได้ดี ส่วนเหตุประท้วงตอนแรกตามข่าวจะมีคนมาจำนวนมากแต่ถึงเวลาจริงไม่ได้มาจำนวนมาก
ภูมิธรรมกล่าวว่า การประท้วงเป็นเรื่องของเขาที่จะแสดงความไม่พอใจ แต่ไม่สามารถกดดันรัฐบาลไทยได้ เพราะรัฐบาลทำไปเพื่อแก้ปัญหาให้กับคนไทย เป็นเรื่องที่เขาต้องไปเคลียร์กับรัฐบาลเมียนมา เราทำครั้งนี้เพื่อจะให้เขาดำเนินการขับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกจากพื้นที่ และเรื่องชายแดนในวันนี้จะมีคำสั่งเรียกคนที่มีข้อกล่าวหาให้ออกจากพื้นที่
ส่วนการปิดชายแดนไม่รับสินค้าไทย ภูมิธรรมกล่าวว่า เขาต้องไปไตร่ตรองเพราะต้องพึ่งสินค้าอุปโภคบริโภค หากไม่มีอาหารต้องดูแลตัวเอง เรายืนยันมาตรการของไทยและยึดปัญหาของประเทศไทยเป็นหลัก จึงต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้ผลเด็ดขาดที่สุด
ภูมิธรรมกล่าวว่า ในที่ 12 กุมภาพันธ์นี้จะเดินทางไปพญาตองซู จากนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์จะเดินทางไปปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพื่อดูสถานการณ์ก่อนตัดสินใจ ส่วนจะไปพบและพูดคุยกับใครบ้างนั้นยังไม่ได้กำหนดรายละเอียด พร้อมย้ำว่าการซีลชายแดนครอบคลุมอยู่แล้ว แต่การประกาศตัดไฟและอินเทอร์เน็ตยังไม่ครอบคลุมไปที่จุดอื่น
ส่วนที่ช่วงนี้มีการลักลอบขนน้ำมันจากไทยไปขายในเมียนมานั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้กิจการชายแดน ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และพื้นที่ที่ซีลชายแดน 51 อำเภอ ได้ทำการตรวจ หากพบคนที่มีส่วนร่วมจะถูกข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์
ภูมิธรรมยังกล่าวถึงมาตรการที่ห้ามนำแกลลอนมาเติมน้ำมันที่จังหวัดเชียงรายว่า หากประกาศต้องทำทุกที่ตามแนวชายแดน แต่ซีเรียสที่สุดคือพื้นที่ที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขณะนี้ประกาศเพียง 5 จุดหลัก ซึ่งสามารถขยายได้หากพบจุดใดเพิ่ม
เมื่อถามถึงกรณีที่กองกำลังกะเหรี่ยง DKBA ประกาศให้คนจีนออกจากพื้นที่เพราะทำให้คนเมียนมาเดือดร้อน จะส่งผลกระทบกับคนไทยในเมียนมาหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่าไม่เกี่ยวกับเรา เขามีปัญหากับคนจีนเป็นเรื่องของเขาเนื่องจากเป็นอธิปไตยของประเทศเขา