ไม่มีอะไรเป็นสูตรสำเร็จตายตัวในแวดวงละครไทยในปีนี้จริงๆ เราจึงได้เห็นละครรสชาติใหม่ๆ หรือการลองทำอะไรใหม่ๆ ของทั้งช่องน้อยสีและมากสีที่ลุยตลาดละครกันอย่างเต็มสูบ และคาดเดาไม่ได้จริงๆ ว่าละครเรื่องนี้จะ ‘มา’ หรือ ‘ไม่มา’ และหนึ่งในละครที่เป็นที่พูดถึงกันในตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมาก็คงหนีไม่พ้นละครอย่าง ลิขิตรักข้ามดวงดาว ที่ออกฉายให้ผู้ชมได้ชมทางช่อง 3 มาตั้งแต่เดือนกันยายน ก่อนจะลาจอไปหมาดๆ เมื่อคืนนี้ (11 พฤศจิกายน) 

นอกจากกรณีข่าวของ แมท-ภีรณีย์ คงไทย ที่มิวายต้องหยิบขึ้นมาพูดถึงทุกครั้งเมื่อพูดถึงละครเรื่องนี้ รวมถึงตัวเลขเรตติ้งที่ค่อนข้างผิดฟอร์มก็ตาม ล้วนเป็นประเด็นที่น่าสนใจว่า เหตุใดกันละครฟอร์มดีที่รีเมกมาจากซีรีส์เกาหลีสุดฮิตเรื่องนี้ถึงไปไม่ถึงดวงดาว

รีเมกเกาหลีไม่เปรี้ยงในไทย

ย้อนมองกลับไปในช่วงก่อนหน้าที่วงการบันเทิงไทยเริ่มมีการเอาซีรีส์เกาหลีที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว มาดัดแปลงเรื่องราวหรือ ‘สร้างใหม่’ เป็นเวอร์ชันของเราเอง ตั้งแต่ในยุคแรกๆ ทั้ง Coffee Prince หรือ Full House ที่มี ไมค์ พิรัชต์ และ ออม สุชาร์ นำแสดงที่พอจะสร้างแรงกระเพื่อมที่น่าสนใจได้ด้วยการมีผู้ชมต่างชาติให้ความสนใจ โดยเฉพาะผู้ชมในประเทศจีน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ค่อนข้างมีความเฉพาะกลุ่มที่สูงมากเช่นกัน เนื่องด้วยช่องทางการฉายทางช่องเคเบิลของทรูวิชั่นส์เพียงเท่านั้น 

ขณะที่ในปัจจุบันละครรีเมกที่ฉายทางช่องทรูโฟร์ยูเองก็ต้องถือว่าฐานแฟนช่องยังไม่สูงมาก หรือแม้แต่ช่อง One31 เองที่เคยเอา A Love To Kill และ Sorry, I Love You มารีเมกก็ไม่ได้ผลตอบรับที่ดีมากนักเช่นกัน ดังนั้นละครรีเมกซีรีส์เกาหลีจึงเงียบเหงาเป็นปกติอยู่แล้ว หากวัดด้วยตัวเลขเรตติ้งโทรทัศน์

ด้วยเหตุนี้เองจึงน่าจะกลับมาตั้งคำถามว่า “แล้วทำไมเราต้องดูซีรีส์ที่รีเมกมาเป็นเวอร์ชันไทยด้วยล่ะ” เหตุผลหลักๆ ก็คงมีอยู่ไม่มากนัก นอกเหนือจากการอยากชมนักแสดงที่เราชื่นชอบ ก็คงเป็นเรื่องของแฟนซีรีส์เดิมที่อยากดูการดัดแปลงบทประพันธ์ให้เขากับวิถีชีวิตของคนไทย หรือการจับกลุ่มผู้ชมอื่นๆ ที่อาจจะไม่เคยดูเวอร์ชันออริจินัลให้ลองมาดูเวอร์ชันดัดแปลง ซึ่ง ลิขิตรักข้ามดวงดาว เองก็ตกอยู่ในที่นั่งของละครทำนองนี้เช่นกัน เพียงแต่ที่อาจจะเจ็บหนักกว่าหน่อย คือการที่ช่อง 3 เองเป็นช่องที่ฐานแฟนค่อนข้างสูง และได้นักแสดงนำระดับแม่เหล็กแถวหน้าของช่อง ทั้ง ณเดชน์ คูกิมิยะ เองก็ดี หรือนางเอก แมท-ภีรนีย์ คงไทย มานำแสดง แต่ผลตอบรับไม่ดีนัก รวมถึงงานโปรดักชันที่แกะแบบฉากต่อฉาก ซีนต่อซีน เหมือนจะโขลกกันมา อาจทำให้ผู้ชมส่วนหนึ่งไม่คล้อยตามไปด้วย เลยทำให้ละครเรื่องนี้ไม่น่าติดตามเท่าไร

ข่าวก็มีผลอย่างปฏิเสธไม่ได้

ประเด็นหนึ่งที่สำคัญมากๆ ที่ส่งผลกระทบต่อละครเรื่องนี้โดยตรงคือข่าวของนางเอก แมท-ภีรนีย์ คงไทย ที่เรากลับรู้สึกว่ามันค่อนข้างรุนแรงทั้งกับตัวเธอเอง ผู้จัด และช่อง ซึ่งถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัว เรากลับมองว่า หากผู้เสพข่าวบันเทิงยังคงเอาชีวิตจริงของนักแสดงกับหน้าที่การงานของพวกเขารวมอยู่เป็นเรื่องเดียวกัน วงการบันเทิงไทยก็จะย่ำอยู่กับที่เช่นนี้ไปเรื่อยๆ ที่จะต้องคอยสนใจเรื่องราวส่วนตัวของพวกเขา มากกว่าจะใส่ใจเรื่องการทำงาน ฝีมือ หรือทักษะการแสดงที่ต้องหมั่นพัฒนาอยู่เสมอ และแน่นอนว่าข่าวของเธอคือจังหวะที่พลาดที่สุดของละครเรื่องนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้จริงๆ มองในมุมของผู้ชมคนหนึ่งที่ไม่ได้ตัดสินตัวเธอว่าถูกหรือผิดจากเนื้อข่าวที่เกิดขึ้น

กรณีของ แมท-ภีรนีย์ คงไทย กับฟีดแบ็กที่ผู้ชมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว ในทีนี้เรารู้สึกว่ามันค่อนข้าง ‘เกินไป’ เราเองอาจต้องกลับมาย้อนคิดว่า มันถูกต้องแล้วหรือที่ดารา-นักแสดงในบ้านเราจำเป็นต้องตอบทุกคำถามและแบกนิยามคำว่า ‘คนของประชาชน’ ไว้ตลอดเวลา 

ความจริงอย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับ คือพวกเขาอยู่กินได้ด้วยรายได้จากการมีผู้ชมก็จริง แต่ในเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะเรื่องความรักและความสัมพันธ์ มันถูกต้องแล้วหรือเปล่าที่ผู้ชมผู้เสพข่าวจะมีสิทธิ์ในการตัดสินใจแทนชีวิตพวกเขา เอาเรื่องส่วนตัวของเขาไปตัดสินเขาว่าเขาเป็นคนไม่ดีอย่างนั้น เป็นคนเลวอย่างนี้ จริงอยู่ที่เขาเป็นคนของประชาชน แต่ชีวิตเขาไม่ใช่ของคุณเสียหน่อย เรื่องนี้จึงเป็นเหรียญสองด้านที่แล้วแต่ผู้เสพข่าวจะเลือกมองจริงๆ แต่สำหรับเรา เราก็ยังคงให้กำลังใจ แมท-ภีรณีย์ คงไทย ให้ได้รับโอกาสดีๆ จากบทบาทดีๆ ในอนาคตต่อไป

ไม่ใช่ครั้งแรกของบรอดคาซท์ที่ผิดพลาด

ถึงแม้ บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จะเป็นผู้ผลิตละครเบอร์ต้นๆ ของช่อง 3 ที่ทำผลงานน่าสนใจออกมาให้ชมอยู่ทุกปี และตัวเลขเรตติ้งสูงสุดในยุคทีวีดิจิทัลก็ยังตกเป็นของ บุพเพสันนิวาส ละครของค่ายนี้เอง แต่ที่ผ่านๆ มา การที่บรอดคาซท์ทำละครฟอร์มดี โปรดักชันใหญ่ หลายๆ ครั้งก็มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น 

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2558 ที่ละครเรื่อง กลกิโมโน ออกฉาย เราเชื่อว่าช่องและค่ายเองก็หมายมั่นปั้นมือให้ละครเรื่องนี้เป็นละครที่เรียกกระแสและเรตติ้ง เพราะได้ซูเปอร์สตาร์เบอร์ใหญ่ที่สุดของวงการอย่าง เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ และ ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต มาประกบกัน ก็ยังได้ผลตอบรับที่ไม่ดีมากนัก 

หรือแม้กระทั่งการกลับมาเจอกันของพระ-นางพันล้าน ทั้ง ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ และ มาริโอ้ เมาเร่อ ใน บ่วงบรรจถรณ์ ก็ไม่ได้มีผลตอบรับที่น่าสนใจนักเช่นกัน และที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือละครเรื่องก่อนหน้าอย่าง ‘แรงเงา 2’ ที่แฟนๆ ติดตามรอชมเองก็ตาม ก็ไม่ได้มีผลตอบรับที่เป็นสูตรสำเร็จตายตัว ทั้งกระแสจากผู้ชมที่ไม่สู้ดี ที่ส่งผลให้ต้องหั่นละครให้สั้นลงก็ด้วย 

ฉะนั้นมันจึงไม่ใช่ครั้งแรกที่บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จะต้องก้าวผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ แต่อย่างน้อยๆ ก็น่าชื่นใจที่ละครที่เพิ่งจบไปอย่าง ‘เพลิงรักเพลิงแค้น’ มีฟีดแบ็กที่ค่อนข้างดี

แม้ไม่ถึงดวงดาว แต่ ลิขิตรักข้ามดวงดาว ก็นับเป็นละครฟอร์มดีที่ช่อง 3 กล้าทดสอบอะไรใหม่ๆ และเป็นอีกบทเรียนสำคัญของวงการบันเทิงไทย หรือแม้แต่บทเรียนของคนทุกคนที่เกี่ยวข้องกับละครเรื่องนี้ว่า ละครที่น่าติดตามคือการอยู่ได้ด้วยพลังของแฟนๆ ของคุณ ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จสูงสุด แต่สิ่งหนึ่งที่ดีใจได้คือคุณได้กลุ่มแฟนละครที่รักและชื่นชอบในงานของคุณ ในการแสดงของคุณจริงๆ ที่ไม่ได้เสพสื่อด้วยอคติเพียงอย่างเดียว

ภาพ: Ch3 Thailand

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า