ย่าน ‘หลังสวน’ กับ 8 มิติของคุณค่าที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้ [Advertorial]

ในโลกนี้มีของมูลค่าสูงมากมายที่เงินอาจไม่สามารถซื้อได้ตามใจต้องการ…

 

กระเป๋าแบรนด์ลักชัวรีบางรุ่นที่ต้องเป็นเซเลบริตี้ระดับโลกหรือเป็นลูกค้าชั้นท็อปคลาสเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์จ่ายเงินหลักล้านเพื่อเป็นเจ้าของ

 

รถซูเปอร์คาร์บางรุ่นที่อาจต้องใช้อำนาจบารมีขั้นสุดในการจ่ายเงินหลายสิบล้านเพื่อจะได้ครอบครองยานยนต์ที่มีเพียงไม่กี่คันในโลก

 

เพชรที่หายากของโลกนั้นไม่อาจตีราคาได้ว่าจะต้องซื้อด้วยเงินกี่ร้อยล้าน เพราะมูลค่าของมันจะถูกบันทึกไว้ ณ วันที่มีการประมูลเปลี่ยนมือเท่านั้น

 

และ ‘ที่อยู่อาศัย’ ก็คงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับการใช้ชีวิต และแน่นอนว่าที่อยู่อาศัยในระดับ Super Luxury ที่พ่วงท้ายด้วยคำว่า Super Prime Area ย่อมจะมอบคุณค่าให้กับเจ้าของผู้อยู่อาศัยในแบบที่เกินกว่าคำว่าสมเหตุสมผล

 

เราจะพาคุณไปสัมผัสกับทำเลที่เรียกว่า Rare Item ที่สุดในประเทศไทยที่เหล่า Developer ต่างแข่งขันกันหาที่ดินที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเพื่อพัฒนาโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดไม่ว่าราคาที่ดินจะสูงขึ้นไปแค่ไหนก็ตาม นั่นก็คือย่าน ‘หลังสวน’ กับ 8 มิติของคุณค่าไม่อาจประเมินมูลค่าได้

 

1. รากเหง้า

    

 

นับตั้งแต่อดีต ย่านราชดำริ–หลังสวน–วิทยุ เป็นที่ดินของกลุ่มเศรษฐีผู้ดีเก่าและส่วนใหญ่ยังเป็นที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินฯ จนถึงปัจจุบันยังเป็นย่านที่มีสถานทูตและสถานกงสุลหนาแน่นที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย นอกจากบรรยากาศของถนนที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ตลอดสองฝั่งทาง ในย่านนี้ก็ยังเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่หาไม่ได้บนถนนในพื้นที่ไข่แดงรอบข้าง

 

2. ความมั่งคั่งรุ่งเรือง

 

ใจกลางย่านธุรกิจสำคัญที่สามารถเลือกการเดินทางได้ทั้งรถไฟฟ้าที่มีสองสถานีที่ถนนสุขุมวิทที่เปรียบเสมือนหนึ่งในเส้นเลือดสำคัญของเมือง รวมทั้งการเดินบนสกายวอร์กที่สะดวกสบายขึ้น

 

เมื่อได้รับการยอมรับว่าเป็นย่านเศรษฐีผู้ดีเก่า เป็นย่านที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนร่ำรวย จึงทำให้การพัฒนาพื้นที่ในย่านนี้ถูกรายล้อมไปด้วยโรงแรมหรู ศูนย์การค้าชั้นแนวหน้าหลายแห่ง ตามมาด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และระบบบริการสาธารณะที่สมบูรณ์พร้อม ยิ่งทำให้ที่ดินในทำเลนี้มีมูลค่าสูงมาก ชนิดที่อาจเรียกได้ว่าเป็นหัวใจแห่งเมือง

 

3. เปิดประตูบ้านสู่ศูนย์กลางทางธุรกิจ

       

อาคารสำนักงานขนาดใหญ่อย่าง All Season Place ที่ตั้งโดดเด่นเคียงคู่ถนนวิทยุ และเป็นบ้านของหลายร้อยบริษัทจากทั่วโลก พร้อมร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

 

นอกจากถนนวิทยุและหลังสวนจะมีอาคารสำนักงานของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่แล้ว ยังเป็นทำเลที่เชื่อมต่อไปยังย่านธุรกิจและการเงินที่สำคัญของประเทศอย่างสีลม–สาทร และฝั่งชิดลม–สุขุมวิทอีกด้วย เรียกได้ว่าเมื่อก้าวออกจากพื้นที่ร่มรื่นแถวบ้าน ก็เสมือนเปิดประตูออกสู่ศูนย์กลางทางธุรกิจได้ในทันที ช่วยให้คุณจัดการเวลาในการติดต่อธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

4. ความสงบและเป็นส่วนตัว

            

หนึ่งในเอกลักษณ์ของย่านนี้ที่ไม่เหมือนที่ไหนใจกลางเมือง ก็คือความเขียวชอุ่มและร่มเงาของต้นไม้ แม้ถนนเล็กๆ ในซอยต้นสนก็มีต้นไม้ตลอดทุกย่างก้าว

 

แม้ว่าความศิวิไลซ์จะรายล้อมอยู่โดยรอบ และในช่วงกลางวันอาจคึกคักไปด้วยบรรดานักธุรกิจและเหล่า Expat ที่เดินทางมาทำงานตาม Office Building อยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วย่านหลังสวนก็ยังคงบรรยากาศความสวยงามที่สงบและเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับเป็นพื้นที่พักอาศัยใจกลางเมืองอย่างที่สุด

 

5. ลมหายใจที่ใกล้ชิดธรรมชาติ

ถนนหลังสวนเชื่อมต่อสู่สวนลุมพินี สวนสาธารณะแห่งแรกของกรุงเทพมหานครและประเทศไทย สวนลุมพินีถูกเรียกว่า ‘ปอดของคนกรุงเทพฯ’ เพราะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อายุร่วม 100 ปี บนพื้นที่กว่า 360 ไร่ นับเป็นพื้นที่สีเขียวที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเมือง มอบวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสบายตาท่ามกลางตึกสูงอันทันสมัยมากมาย

 

เมื่อคุณอยู่ใกล้สวนลุมพินีเสมือนเป็นสวนหลังบ้านก็สามารถใช้พื้นที่ในการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วิ่ง เต้น ปิกนิก หรือร่วมแก๊งปั่นจักรยาน ได้ตลอดทุกช่วงเวลาของวันเสมือนเป็นสวนส่วนตัว

 

6. ใช้ชีวิตในแบบ Super Luxury

แน่นอนว่าบนที่ดินที่มูลค่ามหาศาลต้องพัฒนาเป็นโครงการระดับ Super Luxury เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ งานดีไซน์ เทคโนโลยีล้ำสมัย สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง มักจะถูกคัดสรรจัดวางมาให้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับโครงการในระดับนี้

 

เพียงไม่กี่ก้าวจากซอยต้นสน คุณสามารถเลือกการเดินทางเลี่ยงการจราจรบนท้องถนนด้วยการขึ้นรถไฟฟ้าจากสองสถานี เพลินจิตและชิดลม หรือจะเลือกไปพักผ่อนที่ Central Embassy ที่ใกล้เพียงเอื้อมมือ

 

7. Freehold บนทำเลย่านหลังสวนคือ Rare Item ตัวจริง

ใครจะเชื่อว่าถนนหลังสวนที่มีความยาวเพียงไม่กี่กิโลเมตรและขนาบด้วยที่ดินซึ่งถูกเปลี่ยนมือมาแล้วรุ่นต่อรุ่น เกินกว่าครึ่งของโครงการใหญ่โตในย่านนี้ ทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรม หรือแม้แต่คอนโดมิเนียม ล้วนแต่เป็นการเช่าพื้นที่ระยะยาวเพื่อพัฒนา หรือที่รู้จักกันว่าลีสโฮลด์ (Leasehold) แทบทั้งสิ้น และเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าก็ต้องคืนสิทธิ์นั้นให้เจ้าของที่หรือจะต่อสัญญาตามแต่ตกลงกัน ดังนั้น โครงการคอนโดมิเนียมที่ขายแบบฟรีโฮลด์ (Freehold) คือผู้ซื้อจะได้กรรมสิทธิ์ที่ดินที่สามารถถือครองได้ตลอดชีวิต และยังส่งต่อเป็นมรดกได้ด้วย จึงกลายเป็นสินค้าหายาก (Rare Item) ที่ลูกค้ากระเป๋าหนักพร้อมจะจ่ายเพื่อมีโอกาสได้เป็นเจ้าของ

 

8. การลงทุนที่เพิ่มทวีคูณ

ถึงแม้ว่าราคาคอนโดมิเนียมบนทำเลหลังสวนในตอนนี้จะสูงถึงหลายแสนบาทต่อตารางเมตร ก็ไม่ได้ทำให้ความต้องการของกลุ่มลูกค้าและนักลงทุนลดลง เพราะนอกจากพื้นที่ในย่านนี้จะหาที่ดินที่จะนำมาพัฒนาต่อได้ยากมาก มีการใช้ประโยชน์อยู่แทบจะเต็มพื้นที่แล้วนั้น ประกอบกับข้อมูลราคา Capital Gain ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 8–10% ต่อปีของอสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้ ก็ยังเป็นสิ่งการันตีได้ถึงผลตอบแทนทางการลงทุนที่เพิ่มทวีคูณอีกด้วย

 

มิวนีค หลังสวน (MUNIQ Langsuan) คอนโดมิเนียมระดับ Sensible Luxury คอนโดมิเนียมฟรีโฮลด์ที่ให้คุณได้เป็นเจ้าของอย่างแท้จริง ด้วยตัวอาคารออกแบบในสไตส์คลาสสิก ให้กลิ่นอายของความเป็นมหานครนิวยอร์ก ภายใต้คอนเซปต์ ‘Live Your Everlasting Romance’ ผสมผสานศิลปะการออกแบบอันประณีต และการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัว โดยคำนึงถึงการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพอย่างสูงสุด พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสุดเอ็กซ์คลูซีฟ บนพื้นที่ที่สามารถรับวิวสวนสีเขียวจากสวนลุมพินีได้ในทุกเวลา

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์