‘MUJI’ เปิดสาขาใหม่ โรบินสัน ราชพฤกษ์ โมเดลโรดไซด์ ขนาด 2 ชั้น พร้อมเปิดโซนสินค้าราคาต่ำกว่า 300 บาท ให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น แย้มปีหน้าเปิดอีกไม่น้อยกว่า 10 สาขา หวังขยายฐานลูกค้าเพิ่ม
อกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจของ MUJI ในไทยมีการเติบโตขึ้น ปัจจุบันมีสินค้าจำหน่ายมากกว่า 4,000 รายการ ด้วยคอนเซปต์ของแบรนด์ เราต้องให้สินค้าเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค มีสินค้าครบครัน ทั้งกลุ่มเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เฟอร์นิเจอร์ เครื่องสำอาง อาหารและคาเฟ่ นำเสนอผ่านความเรียบง่าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- มาชิมเมนูสไตล์ญี่ปุ่นสุดพิเศษ ที่ MUJI สาขาใหม่ The EmQuartier เท่านั้น
- MUJI จับมือกับ Honda ออกรถจักรยานไฟฟ้า ดีไซน์เรียบง่าย ถูกหลักสรีรศาสตร์ แต่นั่งได้แค่ที่เดียว
- ต้องรีบซื้อตุน? เหตุยุค ‘เงินเยน’ อ่อนค่าอาจจบแล้ว! หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ แผ่วกว่าคาด ดึงดอลลาร์อ่อน
ทั้งนี้เรามองว่าแบรนด์ MUJI ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก โดยเฉพาะในปริมณฑลและต่างจังหวัด จึงเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญที่ต้องการก้าวเข้าไปใกล้ผู้บริโภคมากขึ้น
สำหรับในปี 2566 ตั้งเป้าจะขยายร้านเพิ่มอีก 10 สาขา หลังจากนี้ไม่ได้โฟกัสไปที่การเปิดสาขาบนศูนย์ที่ขนาดใหญ่เท่านั้น แต่จะเลือกศูนย์การค้าที่มีขนาดเล็กลง เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น
โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 29 สาขา แบ่งเป็นสาขาไซส์ทั่วไป 18 สาขา และสาขาขนาดมากกว่า 1,000 ตารางเมตร จำนวน 11 สาขา หลังจากที่มีการเปิดสาขาไลฟ์สโตร์ที่สามย่านมิตรทาวน์ สามารถสร้างการรับรู้ได้อย่างมาก
ล่าสุดได้เปิดสาขาใหม่ที่ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นสาขาขนาดใหญ่ รูปแบบร้าน 2 ชั้น มีขนาดพื้นที่รวม 1,700 ตารางเมตร ถือเป็นการเปิดร้านโมเดลโรดไซด์สาขาแรก เพื่อรองรับผู้บริโภคในโซนตะวันตกและย่านราชพฤกษ์ที่มีกำลังซื้อสูง ยิ่งในอนาคตจะมีการขยายตัวเมือง ชุมชน ซึ่งเป็นศูนย์รวมที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และโรงเรียน ตั้งแต่ระดับบนไปจนถึงระดับกลาง
สำหรับ MUJI สาขาโรบินสันไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์ มีสินค้ากว่า 3,000 รายการ โดยมีโซนซิกเนเจอร์ เริ่มตั้งแต่ MUJI Coffee Corner ตามด้วยเบเกอรีสไตล์ตะวันตกแบบ Hot Menu รองรับวิถีชีวิตที่เร่งรีบ และสินค้า MUJI Curry แกงกะหรี่ ซึ่งเป็นสินค้ายอดนิยมจากญี่ปุ่น
นอกจากนี้ยังเป็นสาขานำร่องที่มีโซนสินค้าราคาต่ำกว่า 300 บาท มีสินค้าหลากหลายหมวด ซึ่งเป็นโมเดลคล้ายๆ กันกับการขายสินค้าในราคาต่ำกว่า 500 เยนในประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ในอนาคตจะรวมรวมสินค้าเข้ามาอยู่ในโซนราคาต่ำกว่า 300 บาท เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่าย และเป็นการลบล้างความเข้าใจ เพราะคนไทยส่วนใหญ่คิดว่าสินค้า MUJI มีราคาสูง
แน่นอนว่าด้วยการทำตลาดในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น จะเป็นปัจจัยที่จะทำให้ประสบความสำเร็จมากขึ้นในประเทศไทย ควบคู่กับการขยายช่องทางจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ รวมถึงการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า หรือจะเรียกว่า Merchandiser เพราะเล็งเห็นว่าคนไทยและญี่ปุ่นมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน จึงพัฒนาสินค้าเพื่อขายเฉพาะในเอเชีย เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ MUJI ได้เปิดตัวคอลเล็กชันเสื้อผ้าอาเซียน ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและมีแผนจะลอนช์เครื่องใช้ในบ้านและอาหารเข้ามาเพิ่ม ซึ่งเชื่อว่าจากนี้จะช่วยให้ขยายฐานกลุ่มลูกค้าคนไทยที่ต้องการซื้อสินค้าเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มกลับมาดีขึ้น ทำให้ภาพรวมยอดขายเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนเกิดโควิด
