ส.ส. อีสาน-ใต้พลังประชารัฐหยุดเคลื่อนไหว ประยุทธ์ส่งธรรมนัสเคลียร์ใจ ปมโวยทวงเก้าอี้ รมต.

รายชื่อคณะรัฐมนตรีตามโควตาของแต่ละพรรคหรือมุ้งการเมืองส่งถึงมือ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเตรียมจัดทำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ตามคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี

เมื่อโผคณะรัฐมนตรีนิ่ง แรงกระเพื่อมก็มาตามนัด โดยเฉพาะภายในพรรคพลังประชารัฐ ทั้งแกนนำ ส.ส. ภาคอีสานอย่าง เอกราช ช่างเหลา ที่ออกมาทวงถามถึงโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีของกลุ่ม ส.ส. ภาคอีสานในพรรค

ไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อนร่วมรุ่นพลเอก ประยุทธ์ อย่าง พันเอก สุชาติ จันทรโชติกุล หัวหน้าทีมเลือกตั้งภาคใต้ของพรรคก็ออกอาการทวงบุญคุณ หลังนำพรรคยึดเก้าอี้ ส.ส. ภาคใต้ได้กว่า 13 ที่นั่ง แต่กลับไร้สัญญาณตอบแทนใดๆ

ล่าสุดเย็นวันนี้ (18 มิ.ย.) เวลา 16.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส. พะเยา เขต 1 และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำแกนนำ ส.ส. ภาคใต้และภาคอีสานมาแถลงข่าวร่วมกันเพื่อยุติปัญหา หลังจากได้หารือนอกรอบมาแล้ว

ร้อยเอก ธรรมนัส เปิดเผยว่าได้รับนโยบายมาจากนายกรัฐมนตรีผ่านหัวหน้าพรรค โดยได้หารือทั้งสองท่านแล้วว่าทั้งภาคใต้และภาคอีสานตอนบนไม่ได้เรียกร้องตำแหน่งทางการเมือง เพียงแต่เป็นห่วงในการขับเคลื่อนปัญหาของประชาชนที่รับผิดชอบไว้

โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่งมากำกับดูแลทั้งสองส่วน ซึ่งทั้งสองท่านก็สบายใจมากขึ้น

ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ทางการเมือง อาทิ ที่ปรึกษารัฐมนตรี จะมีการเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมมารับตำแหน่งดังกล่าว

ด้านแกนนำกลุ่ม ส.ส. ภาคใต้ พันเอก สุชาติ กล่าวว่ากลุ่มภาคใต้ไม่ได้กดดันพรรคในเรื่องตำแหน่ง แต่เราอยากทราบแนวทางการปฏิบัติที่ได้ให้ไว้กับประชาชน โดยเฉพาะราคาพืชผลการเกษตร ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาที่ได้คุยกับประชาชนในภาคใต้มาตลอด

โดยส่วนตัวยืนยันกับนายกรัฐมนตรีว่าตนขออยู่ทำงานในท้องถิ่น ไม่ได้จะมาเป็นตัวแทนของ ส.ส. 13 ที่นั่งมาเป็นรัฐมนตรี

นักข่าวถามว่าน้อยใจหรือไม่ ถ้าไม่ออกมาเคลื่อนไหว เสียงคงไปไม่ถึงนายกรัฐมนตรี

พันเอก สุชาติ กล่าวว่าขอกราบเรียนอย่างตรงไปตรงมา หลังเลือกตั้งทางพรรคค่อนข้างจะนิ่งกับพวกเรา ค่อนข้างนิ่งมากๆ ทั้งๆ ที่ภาคใต้นั้นแจ้งเกิด ของพรรคอื่นคือในรอบ 24 ปี ซึ่งช่วงแรกนั้นเข้าใจว่าที่นิ่งเพราะต้องจัดการความวุ่นวายภายในพรรคเบื้องต้น แต่เมื่อทุกอย่างเริ่มลงตัว พรรคก็ยังคงนิ่งต่อไป เราจึงออกมาทักท้วง โดยไม่ได้มีเป้าหมายต้องการตำแหน่งรัฐมนตรีในกลุ่มของเรา

“แม้จะเป็นเพื่อนนายกรัฐมนตรี แต่เสียงยังไปไม่ถึงเลยหรือ” นักข่าวถามต่อ

“เป็นเพื่อนนี่รักกันมากครับ แต่เรื่องของการเมืองก็ต้องแลกเปลี่ยนความคิดกันบ้างเหมือนกัน” พันเอก สุชาติ กล่าว

ขณะที่แกนนำ ส.ส. ภาคอีสานตอนบนอย่างเอกราชยืนยันว่าควรจะมีตัวแทนเข้าไปในส่วนของการบริหาร ซึ่งผู้ใหญ่เข้าใจและจะพิจารณาคนที่เหมาะสม คือมีเจ้าภาพที่ชัดเจนเข้าไปเติมเต็ม

ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเอกราช เพราะไม่ได้เรียกร้องเพื่อตัวเอง แต่เรียกร้องเพื่อขับเคลื่อนภาคอีสานตอนบน และนายกรัฐมนตรีจะจัดคนไปกำกับดูแลในส่วนที่เป็นจุดบอดอยู่

ทั้งนี้กลุ่มอีสานยืนยันมาแต่แรกว่าต้องมีผู้บริหารมาขับเคลื่อน ความหมายคือใครก็ได้ในฝ่ายบริหารที่เราจะเชื่อมได้ในการบริหารจัดการงบประมาณให้กับพื้นที่ภาคอีสานตอนบน และนายกรัฐมนตรีจะขับเคลื่อนตามความเหมาะสม โดยตัวแทนไม่จำเป็นต้องเป็นคนจากกลุ่ม

เอกราชยอมรับว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคใหม่ ผู้บริหารก็ยังใหม่ อาจยังไม่เข้าใจถึงระบบการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐาน จึงอาจมีการขัดข้องนิดหน่อย การพูดคุยกันมีน้อย จึงอาจมีความคลาดเคลื่อน เพราะหลักการเมืองมันต้องอาศัยการพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งจากนี้จะมีการพูดคุยกันมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้อยเอก ธรรมนัส มีบทบาทอย่างเด่นชัดอีกครั้งในการจัดการคลื่นใต้น้ำของการจัดตั้งรัฐบาลประยุทธ์สมัยที่ 2 เพราะก่อนหน้านี้ ร้อยเอก ธรรมนัส ก็เป็นผู้ประสานเจรจาให้กลุ่ม 10 พรรคเล็กยุติการเคลื่อนไหว เช่นเดียวกับครั้งล่าสุดนี้ที่ได้รับอำนาจตรงจากพลเอก ประยุทธ์ มาเจรจายุติปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์