Move to Heaven ซีรีส์เรียกน้ำตาแห่งปีที่ถ่ายทอดความรู้สึกผู้คนเกี่ยวกับความตายได้อย่างละมุนละไม ตัวละครไม่ได้พยายามเล่นใหญ่จนเกินไปนัก และยังสะท้อนให้เห็นความเป็นคนธรรมดาที่มีด้านขาว เทา ดำ อย่างที่จะพบเจอได้ในชีวิตทั่วไป เมื่อเรื่องราวเดินไปพร้อมๆ กับการเติบโตของตัวละคร ทั้งตัว ฮันกือรู ที่ต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตโดยไม่มีพ่ออีกแล้ว โจซังกู คุณอาที่มารับหน้าที่ดูแลกือรู จากผู้ชายที่ชีวิตไม่มีอนาคต ได้เรียนรู้และเปลี่ยนแปลงตัวเองทีละน้อย
การแสดงของอีเจฮุนในบท โจซังกู และทังจุนซังในบท ฮันกือรู ที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลัก ต้องบอกว่าเป็นผลงานการแสดงที่มีโอกาสลุ้นรางวัลใหญ่ๆ ในงานประกาศรางวัลปีหน้าอย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งนี้ตัวอีเจฮุนเองได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับผลงานของเขาใน Move to Heaven ว่า
“การเดินทางของผมในฐานะนักแสดง งานส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องเข้าถึงจิตใจผม แต่ Move to Heaven ต่างออกไป ผมอยากให้ทุกคนได้ดูเรื่องนี้ เพราะยิ่งผมเข้าไปในตัวเรื่องราว มันยิ่งยากมากที่จะไม่ร้องไห้ ผมอยากให้ทุกคนได้รับรู้ประสบการณ์นี้ไปร่วมกับผม นี่คือซีรีส์เรื่องแรกที่ผมอยากแนะนำให้ดูในบรรดาผลงานทั้งหมดของผมครับ”
จัดเก็บสิ่งของและเรื่องราวสำคัญใน Move to Heaven
เสื้อแจ็กเก็ตสีเขียว
ซังกูมักจะใส่แจ็กเก็ตสีเขียวอยู่เป็นประจำ สำหรับซังกูแล้วแจ็กเก็ตตัวนี้เป็นเหมือนเกราะป้องกันของเขา เพื่อปกป้องความบอบบางทางจิตใจภายในเอาไว้ เพราะเวลาเขาอยู่ในชุดนี้ ผู้คนรอบข้างจะตีตัวออกห่างด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากเข้าใกล้
อีเจฮุนให้สัมภาษณ์ถึงเสื้อตัวนี้ว่า “แจ็กเก็ตตัวนี้ช่วยให้ผมเข้าถึงคาแรกเตอร์ได้ง่ายขึ้นครับ เวลาที่ผมอยู่ในชุดนี้ กระทั่งทีมงานในกองถ่ายยังหลบผมหมดเลย มันทำให้ผมได้เห็นรีแอ็กชันของคนทั่วไปจริงๆ” ในซีรีส์ Move to Heaven ซังกูเป็นนักมวยใต้ดิน เขาใช้ร่างกายหารายได้ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาไม่ได้รักตัวเองเท่าไรนัก เพราะความที่เขาเติบโตมาโดยที่ไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่น การได้มาเจอกับกือรู นามู และเรื่องราวต่างๆ ของผู้คนที่จากไป ประสบการณ์ที่ได้พบเจอเหล่านี้จะช่วยเปลี่ยนให้เขาเป็นคนที่ดีขึ้นทีละเล็กละน้อย
กระเบนราหู
ในซีรีส์ Move to Heaven จะเห็นหลายฉากที่กือรูท่องชื่อกระเบนราหู รวมถึงชื่อสัตว์น้ำในวงศ์ต่างๆ สำหรับกือรูแล้ว กระเบนราหูเป็นเหมือนเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา โดยเฉพาะเมื่อมีทริกเกอร์ไปกระตุ้นอาการแอสเพอร์เกอร์ จนเกิดความวิตกกังวลตรงหน้า
กือรูใช้กระเบนราหูช่วยปลอบโยนเวลาที่เขามีอารมณ์ไม่มั่นคง การไล่เลียงข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์น้ำต่างๆ คล้ายเป็นการจัดเรียงข้อมูลในสมอง จัดระบบ และคลี่คลายความวิตกกังวลจากสิ่งเร้าภายนอก อย่างที่เราได้เห็นว่าในหลายๆ ฉาก กือรูมักจะหนีไปอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเมื่อเกิดความวิตกกังวลจนเกินรับไหว
หูฟังสีขาว
ทังจุนซัง ผู้รับบทกือรู ได้เล่าไว้ในวันแถลงข่าวถึงความสำคัญของหูฟังสีขาวว่า “เวลากือรูไปทำงาน เขาจะฟังเพลงคลาสสิก เป็นเพลงที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจให้เขารู้สึกอุ่นใจ สบายใจ และผ่อนคลาย มีสมาธิในการค้นหาข้อความหรือสิ่งต่างๆ ที่ผู้ตายทิ้งไว้ครับ ตอนผมอ่านบทครั้งแรก ผมก็ต้องไปทำความเข้าใจกับอาชีพนี้ อ่านหนังสือเกี่ยวกับอาชีพนี้ ซึ่งทำให้ผมมีมุมมองที่เปลี่ยนไปเลยครับ พอตอนเข้าฉาก ทีมงานเซ็ตไว้ดีมากๆ มันเหมือนจริงไปหมด จนทำให้ผมเข้าใจเลยว่าการฟังเพลงมันช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิได้ดีจริงๆ”
ซึ่งเพลงคลาสสิกที่กือรูเลือกฟังก็ล้วนแต่เป็นงานของศิลปินสุดคลาสสิกระดับโลก เช่น Frederic Chopin, Johannes Brahms, Ludwig van Beethoven, Robert Schumann เป็นต้น
ต้นไม้ที่เป็นตัวเชื่อมเรื่องราวและตัวละครในเรื่อง
ฮันกือรู แปลว่า 1 ต้น เช่นเดียวกับคำว่า นามู ที่แปลว่าต้นไม้ ซึ่งในซีรีส์ Move to Heaven ต้นไม้เป็นสิ่งสำคัญที่เราได้เห็นอยู่ในหลายฉากหลายตอน ทั้งการที่พ่อตั้งชื่อลูกชายว่ากือรู หรือกระทั่งต้นไม้ที่อยู่ในบ้านผู้เสียชีวิตในอีพีกลางเรื่องที่เป็นเหมือนความสวยงามที่พวกเขาได้มอบให้กันและกัน
“ทุกคนควรทุ่มเทให้เท่ากับต้นไม้ต้นหนึ่งที่จะมีประโยชน์ต่อโลก” พ่อของฮันกือรูเคยตอบคำถามลูกชายเอาไว้ ครั้งที่เขาถามว่าทำไมตั้งชื่อให้ว่ากือรู สำหรับพ่อของกือรูแล้ว เด็กผู้ชายที่เขาเลี้ยงมาอย่างดี นับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดีที่สุดในโลก
เช่นเดียวกัน ฉากในอีพี 10 ที่ต้นไม้ได้กลายเป็นที่พักพิงสุดท้ายของพ่อกือรู ก็เป็นการย้อนกลับมาร้อยเรียงความหมายของต้นไม้ ที่เชื่อได้ว่าใครที่ได้ดูฉากนี้ย่อมต้องเสียน้ำตา
เหตุการณ์ห้างสรรพสินค้าถล่มในปี 1995
Move to Heaven ไม่ใช่เป็นแค่ซีรีส์น้ำดี แต่ยังสะท้อนให้เห็นปัญหาสังคมที่หลากหลาย ทั้งในเรื่องการยอมรับ LGBT ในเกาหลีใต้, สังคมผู้สูงอายุที่ถูกละทิ้งเพียงลำพัง ไปจนถึงประเด็นการบูลลี่ในโรงเรียน และการส่งเด็กเกาหลีใต้ไปเป็นบุตรบุญธรรมในต่างประเทศ
ฉากสุดสะเทือนใจในซีรีส์ Move to Heaven อีกครั้งหนึ่ง เกิดขึ้นจากเรื่องข่าวการถล่มของห้างสรรพสินค้าซัมพุง ในปี 1995 ซึ่งเป็นเหตุการณ์จริงที่มีผู้เสียชีวิต 502 คน และบาดเจ็บ 937 คน ด้วยสาเหตุของการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เกิดการตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารในเกาหลีใต้ และผลการตรวจสอบทำให้อาคารหลายแห่งต้องรื้อถอนและสร้างใหม่ เนื่องจากผลการตรวจสอบพบว่ามีอาคารเพียง 2% เท่านั้นที่มีความปลอดภัย
เด็กจากเกาหลีที่เติบโตอย่างไร้รากบนแผ่นดินอเมริกา
เรื่องราวของ แมทธิว กรีน ในซีรีส์ Move to Heaven เป็นอีกอีพีหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นปัญหาเรื้อรังตั้งแต่ยุค 80-90 ภายหลังจากสงครามเกาหลีสิ้นสุดลง เด็กจากเกาหลีมากกว่า 200,000 คนถูกส่งไปเป็นบุตรบุญธรรมในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่มีการส่งเด็กไปถึง 110,000 คน ซึ่งนับว่าภายในปี 1995 อเมริกาได้รับเด็กเกาหลีไปอุปการะสูงที่สุดในโลก
ในหนังสือ To Save the Children of Korea: The Cold War Origins of International Adoption ซึ่งเขียนโดย Arissa H. Oh อาจารย์ประวัติศาสตร์จาก Boston College ได้ทำการสำรวจลงลึกในประวัติศาสตร์ และพบว่าแรงกดดันที่เด็กเกาหลีซึ่งเติบโตมาในสังคมอเมริกันกลายเป็นปัญหาสำคัญในทุกวันนี้ เพราะเด็กจำนวนไม่น้อยถูกทำร้ายร่างกายจากครอบครัวอุปถัมภ์ รวมถึงความแปลกแยกที่เติบโตในสังคมอเมริกันแต่รูปลักษณ์ภายนอกแตกต่างจากคนในครอบครัวอย่างสิ้นเชิง การเติบโตท่ามกลางแรงกดดันเหล่านี้ส่งผลให้เด็กเกาหลีที่เติบโตต่างแดนเลือกเดินทางกลับมาเกาหลีใต้เพื่อตามหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดที่แท้จริง แต่ถูกมองว่าเป็นต่างชาติ เพราะแทบไม่มีอะไรเชื่อมโยงเขาไว้กับแผ่นดินเกิดอีกเลย นอกจากสีผมและสีผิว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า