วันนี้ (10 เมษายน) ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 จัดกิจกรรม ‘รำลึกและสดุดีวีรชน 14 ปี เมษา-พฤษภา 2553’ โดยได้ถวายสังฆทานพระสงฆ์ 6 รูป เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่กลุ่มวีรชนประชาธิปไตย เมษา-พฤษภา 2553 ที่เสียชีวิต
จากนั้นได้เปิดโอกาสให้ประชาชนวางพวงหรีดและวางดอกไม้ไว้อาลัย โดยมีตัวแทนจากแต่ละพรรคการเมืองเดินทางมาร่วมงานด้วย อาทิ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล, ปิยรัฐ จงเทพ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคก้าวไกล, อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล สมาชิกพรรคก้าวไกล, ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส. พรรคก้าวไกล, ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส. พรรคเพื่อไทย และอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดย นพ.เหวง โตจิราการ, ก่อแก้ว พิกุลทอง และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขณะที่พรรคไทยสร้างไทย และ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ส่งพวงหรีดมา แต่ไม่ได้เดินทางมาร่วมงาน
ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ อดีตคณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้กล่าวปาฐกถาว่า ขอคารวะจิตใจของทุกท่านในขบวนการเสื้อแดงที่กล้าหาญ และขอแสดงความเสียใจต่อการสูญเสีย ซึ่งนั่นถือเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่ประชาชนที่อยู่นอกศูนย์กลางกรุงเทพฯ ทั่วทุกภาคทั้งเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ตัดสินใจออกมาประท้วงต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและเรียกร้องสิทธิให้แก่ตนเอง จึงเชื่อว่าขบวนการดังกล่าวในปี 2553 จะเป็นการต่อสู้ที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อประวัติศาสตร์ไทย ดังนั้นขอให้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชนยั่งยืนต่อไปและมาถึงในวันข้างหน้า
ด้าน เภสัชกรหญิงธิดา ถาวรเศรษฐ ตัวแทนวีรชน กล่าวไว้อาลัยต่อ โดยระบุว่า 14 ปีแล้วที่เกิดเหตุการณ์ฆ่าปราบปรามประชาชนที่ต้องการทวงความยุติธรรม ซึ่งการต่อสู้นี้ได้สืบทอดมายังเยาวชนคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน ฉะนั้นขอให้จับมือร่วมกันสู้เพื่อลูกหลานในอนาคต โดยนิรโทษกรรมให้คนเป็น และทวงความยุติธรรมให้คนตาย ใครจะเป็นแฟนคลับพรรคไหนไม่ว่ากัน ไม่ต้องใส่เสื้อแดงก็ได้ แต่ขอให้เป็นนักต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยและไม่ใช่เครื่องมือของพรรคการเมืองก็พอ
ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ 6 ตุลา จึงอยากให้นิรโทษกรรมทั้งสองฝ่าย พร้อมกับตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภายใน 30 วัน และขอฝากให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยแก้ไขกฎหมายให้ทหารและนักการเมืองที่ทำผิดกฎหมายขึ้นศาลอาญาตามปกติเหมือนประชาชนทั่วไป เนื่องจากเราไม่หวังว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำอะไรได้ เพราะเข้าใจว่าอยู่ในภาวะที่ทำได้เฉพาะแค่ที่ได้รับอนุญาตให้ทำเท่านั้น
ด้านชนินทร์กล่าวว่า การมาที่นี่ของพรรคเพื่อไทยอาจมีบางท่านไม่สบายใจ ยอมรับว่ามีหลายท่านไม่เห็นด้วย แต่ตนขอเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทยมายืนยันว่าพรรคเพื่อไทยยังอยู่เคียงข้างกับคนเสื้อแดงตลอดมาและตลอดไป แต่พรรคเพื่อไทยเรามีอุปสรรคและมีความยากลำบากในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยถูกตราหน้าว่าเป็นการทำนิรโทษกรรมสุดซอย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการทำนิรโทษกรรม เพราะเรายืนยันสนับสนุนเรื่องนี้มาตลอดว่าการนิรโทษกรรมเป็นขบวนการก้าวข้ามความขัดแย้ง และสร้างความปรองดอง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลา
ทั้งนี้ ระหว่างที่ชนินทร์พูดมีรายงานว่ากองเชียร์คนเสื้อแดงได้ตะโกนว่าไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยส่งตัวแทนมา พร้อมตะโกนไล่ด้วยคำหยาบคาย และขอให้ออกไป เพื่อไทยการแสดง การละคร ขณะเดียวกัน ยังมีการชูป้ายรูปของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความระบุว่าพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ ด้าน นพ.เหวง จึงยกมือไหว้ขอร้องให้กองเชียร์หยุด ชนินทร์จึงกล่าวต่อว่าพร้อมน้อมรับความเห็นต่างทุกความเห็น ซึ่งเรื่องนิรโทษกรรมขณะนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญกำลังอยู่ระหว่างศึกษา
จากนั้น นพ.เหวง ได้ฝากชนินทร์ให้ไปถาม เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อเพราะไม่อยากเป็นประเด็นว่าเห็นด้วยกับการยึดอำนาจรัฐประหารหรือไม่ พร้อมกับขอให้นำตัวทหารที่ฆ่าประชาชนมาลงโทษ เพราะพรรคเพื่อไทยดันไปจับมือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนกล่าวด้วยว่า เพื่อไทยได้เอาสีแดงไปเป็นโลโก้ เพราะต้องการให้คนเสื้อแดงโหวตให้ แต่ก็ยังดึงคนมาไม่ได้ เนื่องจากคุณไม่มีความซื่อสัตย์ต่อประชาชน
ดังนั้นหากจะให้ประชาชนคนเสื้อแดงกลับมา พรรคเพื่อไทยจะต้องเสนอเป็นญัตติแก้ไขกฎหมายให้ทหารขึ้นศาลพลเรือน และตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็วที่สุด เพราะการเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการแก้รัฐธรรมนูญ เสมือนหยิบยกขึ้นมาหลอกคนเสื้อแดงทั้งที่ไม่สามารถทำได้จริง
ขณะที่ณัฐวุฒิ ในฐานะผู้จัดงาน กล่าวว่า วันนี้บรรยากาศแตกต่างไปจากทุกปี เพราะพี่น้องที่เคยต่อสู้กับคนเสื้อแดงมีความเชื่อทางการเมืองต่างกันเสียแล้ว แต่ไม่ว่าจะเชื่ออย่างไร อยากให้เก็บอารมณ์ความรู้สึกไว้ เพราะตนเข้าใจความรู้สึกของญาติวีรชน ตัวแทนพรรคการเมือง และผู้ที่มาร่วมงานทุกคนดี จึงขอขอบคุณทุกพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยที่ส่งตัวแทนมา เพราะทั้งชนินทร์และศศินันท์เป็นลูกหลานคนเสื้อแดงที่ต่อสู้กับเรามาเมื่อ 14 ปีที่แล้ว
ดังนั้นวันนี้ไม่ว่าจะเห็นอย่างไรหรือสังกัดพรรคไหน แต่น่าภูมิใจว่าเด็กที่ต่อสู้กับเรามาวันนี้ได้เป็น สส. แล้ว จึงอยากฝากคนเสื้อแดงว่า ไม่ว่าวันนี้จะใส่เสื้อสีอะไรก็ยังเป็นเสื้อแดง ไม่ว่ามวลชนจะเป็น กปปส. ที่เป่านกหวีด หรือเสื้อแดง ตนไม่รู้สึกอาฆาตว่าจะต้องให้ใครติดคุกมากกว่ากัน แต่อยากให้ปล่อยนักโทษทุกคน รวมถึงผู้ติดคุกในคดีมาตรา 112 เพราะเมื่อ 14 ปีที่แล้วเราอยู่ด้วยกันบนถนนเส้นนี้ด้วยจิตใจที่ผูกพัน
นอกจากนี้ ณัฐวุฒิยังกล่าวถึงกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับคดีสลายการชุมนุมปี 2553 ที่มีอายุความเหลือเพียง 1 ปี จาก 15 ปี ของกฎหมาย ป.ป.ช. ด้วยว่า ขออย่ามองในเรื่องของพรรคการเมือง โดยอยากให้มีการแก้กฎหมาย ป.ป.ช. ให้นำคดีที่ ป.ป.ช. ยกคำร้องส่งให้อัยการไปพิจารณาฟ้องต่อ นอกจากนี้ ยังยืนยันด้วยว่าตนยังเป็นเสื้อแดงอยู่ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ โดยยังสามารถสบตากับพี่น้องคนเสื้อแดงและภาพถ่ายของผู้เสียชีวิตได้
ขณะเดียวกันยืนยันด้วยว่าจะยังไม่หยุดเคลื่อนไหวและมุ่งแก้รัฐธรรมนูญต่อไป เพราะการเมืองแบบนี้ต้องอดทนและมุ่งมั่นเดินไปข้างหน้า จึงไม่แปลกที่คนใส่เสื้อแดงจะเชื่อคนละอย่าง วางใจคนละพรรค รักคนละกลุ่ม ฉะนั้นหากวันนี้พี่น้องเลือกก้าวไกลตนก็เคารพ จะไปประณามไม่ได้ อยากให้มองไปข้างหน้า ตนไม่รู้ว่ามีสิทธิ์จะพูดหรือไม่ แต่อยากให้เรากระทบกระทั่งความรู้สึกกันให้น้อยลง เพราะคำพูดและการกระทำที่ฝ่ายตรงข้ามกระทำกับเราเจ็บน้อยลงเมื่อเทียบกับเพื่อนที่เคยกอดคอมาด้วยกัน
ต่อจากนั้น เวลา 18.00 น. คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 และตัวแทนของแต่ละพรรคการเมือง ได้จุดเทียนรำลึกและวางดอกไม้ อธิษฐานจิตต่อดวงวิญญาณวีรชน เมษา-พฤษภา 2553 เป็นกิจกรรมสุดท้าย