วันนี้ (28 มกราคม) ที่ตลาดนัดเจเจกรีน 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค, ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค ได้แก่ วรรณวิภา ไม้สน, ปดิพัทธ์ สันติภาดา, รังสิมันต์ โรม และ พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ร่วมเปิดเวทีปราศรัยรณรงค์หาเสียงให้กับ เพชร-กรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัครรับเลือกเขตหลักสี่-จตุจักร เบอร์ 6 โดยก่อนหน้านี้ในพื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่เมื่อฝนหยุด ประชาชนก็เริ่มทยอยมาจนเนืองแน่นเต็มเวทีการปราศรัย บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนานครึกครื้น
ชัยธวัชกล่าวว่า ขณะนี้ไม่ใช่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งซ่อมเท่านั้น แต่จะเป็นโค้งสุดท้ายของรัฐบาล คสช. ที่ไปต่อไม่ได้อีกแล้ว เนื่องจากผลงานบริหารที่ผ่านมาล้มเหลวจนข้าวของแพงทั้งแผ่นดิน บริหารจนเป็นหนี้เป็นสิบๆ ล้านแล้ว ปล่อยให้ประชาชนต้องชดใช้ไปชั่วลูกชั่วหลาน เท่านั้นไม่พอยังสวาปามมูมมามจนไม่ว่าจะสำรวจดัชนีชี้วัดคอร์รัปชันสำนักไหนก็ตกต่ำลงทุกปีและตกต่ำที่สุดในปีนี้จนชาวบ้านเอือมระอา แต่ถึงประชาชนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า พวกเขาก็ยังคงเล่นเกมการเมือง แตกแบงก์ร้อย แบงก์ยี่สิบ เพื่อแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรีกัน สภาพตอนนี้ปั่นป่วนไปหมด จนหัวคะแนนยังเดินหนี ในสภา แกนนำ ส.ส. รัฐบาล วิ่งกันขาขวิด พยายามถามพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าใครอยากย้ายข้างไปต่ออายุรัฐบาลบ้าง ดังนั้นถ้าใครไม่ต้องการต่ออายุรัฐบาลนี้อีก วันที่ 30 มกราคม ตัดสินใจให้เด็ดขาด เลือก เพชร กรุณพล พรรคก้าวไกล เข้าไปตอกฝาโลงรัฐบาล คสช. แต่อย่างไรก็ตาม หลังการเลือกตั้งซ่อมยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พล.อ. ประยุทธ์ จะยอมปรับคณะรัฐมนตรีตั้งพ่อค้าแป้งเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ แต่ก็ยังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าไม่ยอมแต่งตั้งก็กลัวพรรคแบงก์ยี่สิบจะยกมือคว่ำในสภา การเมืองแบบนี้ไม่เห็นหัวประชาชน เราจึงต้องออกมาส่งเสียงเพื่อบอกว่าเราไม่ยอมรับการเล่นการเมืองแบบนี้อีกแล้ว
“มีบางกระแสบอกว่า แม้แต่ผู้มีอำนาจบางฝ่ายก็รู้สึกเบื่อ พล.อ. ประยุทธ์ อยากเปลี่ยนนายกฯ เพราะใช้งานไม่ได้แล้ว จะบีบให้ลาออกแล้วหาคนใหม่ จับขั้วใหม่ อย่างน้อยก็เพื่อมางาบงบประมาณประจำปีก้อนใหม่ก่อนเลือกตั้ง อาจเป็นนายกฯ คนนอกหน้าตาดี หรืออาจชื่อประวิตร พรรคก้าวไกลขอยืนยันตรงนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนจากตู่เป็นป้อม เปลี่ยน พล.อ. อนุพงษ์ เป็นแป้ง พรรคก้าวไกลไม่เอาด้วยทั้งนั้น ต้องยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างเดียว นายกฯ แก้ขัดไม่เอา และในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกล ขอสัญญาว่าเราจะไม่จับมือกับพรรคการเมืองตระกูล คสช. ทุกชนิด ไม่ว่าจะสายตู่ สายป้อม หรือสายแป้ง พรรคก้าวไกลจะไม่จูบปากใดๆ ทั้งสิ้น จะซื่อสัตย์กับพี่น้องประชาชนให้ถึงที่สุด จะไม่ยอมให้ คสช. ลงจากหลังเสือแบบสบายๆ” ชัยธวัชกล่าว
ชัยธวัชกล่าวด้วยว่า ช่วงหลังเริ่มมีกระแสข่าวหวาดเสียว บางคนบอก พล.อ. ประยุทธ์ คงไม่ยอมยุบสภาง่ายๆ เพราะถ้ายุบ เลือกตั้งก็แพ้ถล่มทลาย จึงแว่วมาว่าอาจจะมีการลากรถถังมาแสดงพลังอีกครั้ง แต่ถ้ากลุ่มไหนลากรถถังมาฉีกรัฐธรรมนูญอีก ยืนยันว่าหัวหน้าพรรค เลขาธิการ และ ส.ส. พรรคก้าวไกล จะไม่หนีไปไหน จะยืนอยู่กับประชาชน จะสู้กับมันจนชัยชนะจะเป็นของประชาชน ถ้าฉีกรัฐธรรมนูญด้วยรถถังอีก ผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกลจะจับมือกับประชาชนเพื่อเขียนรัฐธรรมนูญเองแล้วประกาศใช้ หากต้องการพรรคแบบนี้ ต้องการผู้แทนราษฎรที่ยืนยันว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เราจะยึดอำนาจจากมันกลับมา แล้วคืนกลับให้เป็นของประชาชน อย่าเลือกด้วยความกลัว ไม่ต้องกลัวว่าพรรครัฐบาลจะกลับมาอีก ตนเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าประชาชนตาสว่างกันหมดและทนการบริหารของรัฐชุดนี้ไม่ได้แล้ว เราถูกหลอกให้เชื่องและปกครองด้วยความกลัวนานไปแล้ว ถึงเวลา เข้าคูหา ถามหัวใจตัวเองว่าต้องการอนาคตแบบไหน แล้วลงคะแนน ถ้าต้องการการเมืองที่ซื่อตรง ตรงไปตรงมาต่อประชาชน เลือก เพชร กรุณพล เบอร์ 6 พรรคก้าวไกล
“ยืนยันอีกครั้งว่าเสียงของเราทุกคนมีความหมาย เป็นเสียงของความเปลี่ยนแปลง ขอให้ช่วยกันส่งเสียงว่าเราต้องการเดินไปสู่อนาคตแบบใหม่ หลายคนบอกว่าเราต้องชนะขาด ผมอยากบอกว่า ชัยชนะเด็ดขาดที่แท้จริงคือชัยชนะที่เป็นของประชาชน ไม่ใช่ชัยชนะที่ไปแบ่งปันอำนาจชั่วครู่ชั่วคราว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องเลือกพรรคก้าวไกลเพื่อไปเปลี่ยนแปลงอย่างถึงราก ชัยชนะของประชาธิปไตยจะต้องยกระดับ ประชาชนต้องไม่ยอมให้การต่อสู้ที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อที่ผ่านมาถูกนำไปแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันหลังฉากอีกต่อไป เลือดเนื้อของประชาชนต้องมีความหมาย ขอให้เลือก เพชร กรุณพล เบอร์ 6 ให้ถล่มทลาย เลือกก้าวไกลเพื่อเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของเราไปพร้อมๆ กัน” ชัยธวัชกล่าว
ด้านกรุณพลกล่าวว่า หลายสิบปีในอาชีพนักแสดงตนเจอเรื่องราวมากมาย วันนี้เส้นทางชีวิตเปลี่ยนมาเป็นอาชีพนักการเมือง สิ่งที่อยากทำมีมากมายเหลือเกิน และคิดว่าการเป็นนักการเมืองน่าจะตอบโจทย์ ตนรู้ตัวดีว่าเป็นผู้สมัครพื้นที่นี้มีหลายอย่างถาโถมเข้ามาในชีวิต เหมือนครั้งที่แล้วขึ้นเวทีถึงขั้นน้ำตาไหล แต่วันนี้ได้รับกำลังใจจากหลายคน ทำให้เข้มแข็งมากขึ้น ในโซเชียลมีเดียมีทั้งคำชื่นชม ด่า ประณาม เหล่านี้ก็เอามาเป็นพลัง หรืออย่างล่าสุด คุณแม่จิตประภัสสร เทียนสุวรรณ ซึ่งเป็นคนเสื้อแดง ร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดง เชื่อแนวทางประชาธิปไตย ถามมาตลอดว่าอยากเป็นลูกนายพลหรือลูกแม่ค้า ถ้าอยากเป็นลูกแม้ค้าต้องเข้าใจคนปกติ แม่สอนเรื่องชีวิต ความเท่าเทียม การให้อภัย และการมีน้ำใจ แม่ต่อสู้ร่วมกับคนเสื้อแดงมาตลอด แต่กี่ปีก็ไม่ชนะ เพราะถูกกดทับด้วยปากกระบอกปืน ทุนผูกขาด และอำนาจที่มองไม่เห็น คนเสื้อแดงสูญเสียเลือดเนื้อมากมาย กระทั่งวันนี้แม่อายุ 70 กว่าปีแล้ว ได้ส่งต่อการต่อสู้มาให้ ถามว่าถ้าสู้แบบเดิมโอกาสชนะยากเต็มที วันนี้มีพรรคการเมืองใหม่ที่ต่อสู้ในรัฐสภาที่เราน่าจะชนะได้ จนทำให้วันนี้ตนได้เข้ามาอยู่ในพรรคก้าวไกล และอุดมการณ์ของเรามั่นคงแน่วแน่ที่เราจะไม่ยอมทุนผูกขาด ไม่ยอมเผด็จการที่แย่งประชาธิปไตยไปจากพวกเรา
“ผมเปิดตัวต่อสู้กับความไม่ถูกต้องมาตั้งแต่เมื่อครั้งมีม็อบ กปปส. ผมยืนอยู่ตรงข้ามม็อบนี้มาตลอด แต่ก็ถูกโจมตีว่าเคยไปร่วมกับม็อบ จึงอยากบอกตรงนี้ว่าแม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่เคย ไม่เคยเชื่อว่าการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งจะดีกว่าการเลือกตั้งอย่างไร จึงอยากเคลียร์ใจเรื่องนี้ ซึ่งที่ผ่านมาแม้จะโดนผู้จัดละคร โดนโฆษณากดดัน มีคนที่เคยเป่านกหวีดโทรมาหาว่าออกตัวแรงแบบนี้ไม่กลัวไม่มีงานเหรอ ผมบอกไปว่าแล้วทนเห็นแบบนี้ได้อย่างไร จะยืนอยู่บนความสุขสบายโดยเห็นความไม่ถูกต้องอย่างนั้นเหรอ วันนี้ถ้าเราไม่เริ่มที่ตัวเองจะเริ่มที่ไหน ถ้าเราไม่เสียสละเพื่อดึงคนให้ลุกขึ้นมา จะมีใครกล้ายืนสู้ไหม ทุกคนไม่กล้ายืนสู้ ในวันที่ม็อบ กปปส. และวันที่ทหารครองอำนาจ ทุกคนกลัว จนทำให้คนที่รู้ถูกรู้ผิดไม่กล้าพูด ทำให้คนที่ผิดแต่เสียงดังกลายเป็นผู้ชนะ ผมยอมไม่ได้ ผมรู้สึกว่าอย่างน้อยลุกขึ้นมา เสียงานเสียการ เสียหลายๆ อย่างในชีวิต แต่จะได้เป็นผู้จุดไฟแห่งความหวังให้คนได้ลุกขึ้นมา ยืนอยู่ตรงนี้ ทำเพื่อให้คนเห็นความหวังในประเทศนี้ และไม่ใช่เพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อพรรคก้าวไกล แต่เพื่ออนาคตลูกหลานของเรา ไม่อยากให้ประเทศนี้ย่อยยับไปต่อหน้าโดยที่เราไม่ทำอะไรเลย วันนี้เราต้องลุกขึ้นมาสู้” กรุณพลกล่าว
กรุณพลกล่าวอีกว่า ในฐานะผู้สมัครเขตหลักสี่-จตุจักร โดนปรามาสว่าเป็นแค่นักแสดง เรียนจบอะไรมา อยากบอกว่าจบเศรษฐศาสตร์ โดนปรามาสว่าไม่มีประสบการณ์จะสู้ได้เหรอ ตนก็อยากให้ไปดูคนที่อยู่สภามาไม่รู้กี่สิบปี ไม่เห็นแก้ปัญหาอะไรได้ พรรคก้าวไกลเราไม่เคยเป็นรัฐบาล ไม่เคยถืองบประมาณ เรื่องทุจริตจึงเท่ากับศูนย์ แต่สิ่งที่เราทำมาตลอด 3 ปีคือตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น ไม่ย้อท้อ ไม่ประนีประนอมจน ส.ส. หลายคนมีคดีติดตัว ถูกปองร้าย ขู่ไปจนถึงครอบครัว แต่เราไม่กลัว เรามีอุดมการณ์ เราต้องการทำให้ประเทศนี้ดีขึ้น และสำหรับพื้นที่นี้ผมอยู่มา 30 ปี ไม่ต้องเป็น ส.ส. ก็รู้ปัญหาของหลักสี่-จตุจักร ก็เหมือนที่พี่น้องเจอ เรื่องปากท้อง รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย ของแพงขึ้นทุกวัน และยิ่งเขตนี้มีผู้สูงอายุเยอะจะทำอย่างไร เราเห็นว่าก็ต้องไปลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ลดค่าใช้จ่ายก็เท่ากับเพิ่มเงินในกระเป๋า เราจึงเสนอรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า จัดสรรงบประมาณโดยคำนึงถึงพี่น้องประชาชนเป็นอันดับแรก ถึงเวลาแล้วที่ประเทศนี้จะต้องตอบแทนผู้สูงอายุด้วยเงินที่มากกว่าแค่เดือนละไม่กี่ร้อย
“อีกปัญหาคือเรื่องน้ำท่วม หลายคนบอกจะทำคลอง ทำอุโมงค์ระบายน้ำ ถามว่าต้องใช้งบฯ อีกกี่หมื่นล้าน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนไหม ส.ส. หนึ่งคนได้แต่พูด แต่ไม่เคยหาเงินมาทำได้ ผมอยากทำอะไรที่จับต้องได้ เช่น ลอกท่อก่อนไหม เรามีนักโทษที่พร้อมมาทำงาน มีเบี้ยเลี้ยงให้เขา เรามีเจ้าหน้าที่ กทม. มีอาสาสมัครที่พร้อมทำงานนี้ หรือตรงไหนที่เป็นพื้นที่ต่ำก็นำเครื่องสูบน้ำ กทม. ไปตั้ง หลายหมู่บ้านน้ำท่วมทุกครั้งในหน้าน้ำ เขาบอกว่าแก้ไม่ยากก็แค่เปิดประตูน้ำ แต่ชาวบ้านต้องไปเปิดเองเหรอ และไม่มีวิธีการติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ง่ายกว่านี้เหรอ ด้านการจราจรบอกว่าจะดีขึ้นเพราะมีรถไฟฟ้า แต่ถามว่ารถไฟฟ้าแต่ละระบบกี่บาท จากหลักสี่ไป-กลับสุขุมวิทคิดว่าน่าจะ 200-300 บาท คนฐานะปานกลางจะนั่งไหม แล้วที่บอกจะลดค่ารถไฟฟ้าถามว่ามีกี่เจ้า แล้วเขาจะคุยกันเหรอ แล้วรัฐก็ยังไม่จ่ายหนี้เขาด้วย เขาจะลดเหรอ ดังนั้นควรทำรถเมล์ไฟฟ้าวิ่งในระยะทางสั้น ราคาถูก เพราะนี่คือสวัสดิการของประชาชน ทำโดยไม่ขาดทุน ไม่ต้องหวังผลกำไร เพราะทุกวันนี้ ขสมก. ก็ขาดทุนไม่รู้เท่าไรแล้ว หยุดขาดทุนเท่ากับกำไร” กรุณพลกล่าว
กรุณพลกล่าวอีกว่า ปัญหาในพื้นที่ไม่ใช่ไกลเกินตัว ไม่ใช่เรื่องแก้ได้ยาก เราตั้งใจแก้ด้วยการทำการเมืองใหม่ การเมืองที่ไม่มีการเกี้ยเซียะ ไม่มีการประนีประนอม ถูกคือถูก ผิดคือผิด เพราะถ้าคอยแต่ประนีประนอม ปัญหาก็ไม่หมดไป อย่างแม้แต่การเลือกตั้งครั้งนี้หลายคนบอกว่าเราควรร่วมมือกันเพื่อชนะเผด็จการ ตนถามว่าเริ่มด้วยการจับมือใต้โต๊ะ ชนะไปจะไม่มีผลประโยชน์ตอบแทนอย่างไร ชนะไปเป็นความภูมิใจเหรอที่คนหนึ่งต้องหลบให้ แล้วถ้าอย่างนั้นพรรคก้าวไกลจะตั้งมาทำไม พรรคก้าวไกลคือพรรคที่ต้องการผลักดันนโยบายและวิธีปฏิบัติที่ต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ เพราะพรรคของเราไม่ประนีประนอม พร้อมพุ่งชนทุกปัญหา วันนี้เรามีความหวังที่มีพรรคฝั่งประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้น เป็นความหวังที่จะส่งต่อชีวิตที่ดีกว่าลูกหลาน วันที่ 30 มกราคมนี้ ทิ้งความกลัวที่ว่าจะแพ้เผด็จการ ทิ้งความกล้วที่คิดจะเกี้ยเซียะเพราะกลัวจะแพ้ และจงนำความหวังเข้าไปในหน่วยเลือกตั้งและกาเบอร์ 6 ให้เพชร กรุณพล ให้เป็นผู้แทนของท่านในเขตหลักสี่-จตุจักร